Thai PBS Verify พบเพจเฟซบุ๊กลงคลิปเพจดัง ซึ่งเป็นการนำเสนอการปลูกข้าวโพดของเกษตรกรมาใช้โฆษณา รวมถึงนำภาพจากเพจอื่นมาแอบอ้าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ อาจถูกหลอกได้สินค้าไม่ตรงปก
แหล่งที่มา : Facebook
กระบวนการตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบว่า เฟซบุ๊กชื่อ "สวนสาคร " ลงโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก โดยโฆษณาดังกล่าวเป็นคลิปจากเพจ "จัน ลั่นทุ่ง" ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหวานสายพันธุ์ข้าวโพดนมสด ที่ได้เผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ถูกนำมาลงโฆษณา เพื่อใช้สำหรับการขายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดนมสดฮอกไกโด โดยโฆษณาดังกล่าวมีผู้ชมไปกว่า 5 แสนครั้ง รวมถึงสอบถามรายละเอียดอีกหลายร้อยคน (ลิงก์บันทึก)
ขณะที่ภายในเพจดังกล่าว ระบุว่าเป็นเพจ เกษตรกรรม ถูกสร้างเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2022 ซึ่งเมื่อทำการตรวจสอบด้วยเครื่องมือตรวจสอบภาพ Google Lens เราพบว่า เป็นภาพที่ได้มีการโพสต์ไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2024 ถูกนำมาจากเพจที่ชื่อ "มาปลูกผักสวนครัวกันเถอะ" ซึ่งได้โพสต์ภาพดังกล่าวไว้ตั้งแต่ 12 ม.ค.2019 (ลิงก์บันทึก)
นอกจากนี้เรายังพบการนำภาพมาจากเพจอื่นมาโพสต์เพิ่มเติม โดยเพจ "เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดนมสดเพียวไวท์ฮอกไกโด ส่งฟรีเก็บเงินปลายทาง" ก็ถูกนำภาพไปใช้เช่นกัน โดยเพจดังกล่าวระบุว่า "สวนสาครปลอมค่ะ ก๊อบปี้รูปของเพจนี้ไปใช้" (ลิงก์บันทึก)
ผลกระทบของข้อมูลเท็จนี้เป็นอย่างไร ?
โพสต์ดังกล่าว ถือว่ามีผู้สนใจเข้าชมโฆษณาไปถึง 5 แสนครั้ง โดยมีผู้ส่งข้อความเข้าไปสอบถามรายละเอียดการสั่งซื้ออีกกว่า 500 คน ซึ่งอาจเสี่ยงทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นการซื้อเมล็ดพันธุ์กับเกษตรกรในคลิปที่ได้มีการโฆษณาไว้โดยตรง
ผลกระทบของการหลงเชื่อโฆษณาปลอม
ดร. มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ ระบุถึงความอันตรายของโฆษณา โดยเฉพาะเมื่อมิจฉาชีพสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในปัจจุบันว่า เมื่อก่อนนี้การโฆษณาถือเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยากสำหรับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะกับโฆษณาที่เป็นรูปแบบของสื่อมวลชน (Mass Media) ที่อาจจะพบได้แค่การโฆษณาผ่านวิทยุ หรือ รถกระจายเสียง หรือการบอกต่อเพียงเท่านั้น ซึ่งผลของการโฆษณาและการสื่อสารในรูปแบบนั้นอาจจะยังไม่มาก แต่เมื่อมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ผู้คนได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปัจจุบันผู้คนเสพสื่อจากการดูรีวิว ดูจากอินฟลูเอนเซอร์ หรือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ก็ยิ่งจะทำให้ผู้คนคล้อยตามได้ง่าย
สิ่งที่ต้องระมัดระวังอีกอย่างคือ หากเราจะบริโภคสินค้าอะไรต่าง ๆ ก็ขอให้อย่าเชื่อว่าคนอื่นบอกว่าดี เพราะอาจเป็นข้อมูลที่ไม่ได้บอกทั้งหมด หรือเป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือนมาก็เป็นได้
การป้องกันตนเองจากโฆษณาชวนเชื่อ
การป้องกันโฆษณาชวนเชื่อ ถือว่ามี 2 ลักษณะ โดยอย่างแรกคือการป้องกันจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องหามาตรการเชิงรุก และจะต้องให้ความรู้กับประชาชนไม่ให้หลงเชื่อ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบในส่วนของภาครัฐ
แต่สำหรับภาคประชาชน ก็จำเป็นที่จะต้องตั้งคำถามกับสิ่งที่เจอ ยิ่งในยุคของโลกออนไลน์ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต และในยุคของ AI ยิ่งจำเป็นที่จะต้องตั้งคำถามกับสิ่งที่เจอให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการเตือนกันเองของผู้บริโภค เมื่อเจอโฆษณาหรือข้อมูลต่าง ๆ ที่ผิดปกติ ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่เฉพาะกับการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร แต่ยังมีสินค้าอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ที่มีการใช้การโฆษณาเข้ามาสร้างความเข้าใจผิด ซึ่งหน้าที่หนึ่งของผู้บริโภคที่สามารถทำได้ทันที คือการรายงานไปที่แพลตฟอร์ม หรือแจ้งเตือนไปที่ช่องทางอื่น ๆ ให้ผู้บริโภคได้ทราบ