เมื่อหน้าร้อนและเทศกาลสงกรานต์เวียนมาเยือน อากาศที่ร้อนระอุทำให้เราต้องการอาหารที่ช่วยดับร้อนและเพิ่มความสดชื่น วันนี้เรามีเมนูเด็ดสำหรับหน้าร้อนที่ไม่เพียงแค่อร่อย แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพและเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย มาดูกันว่าเมนูไหนบ้างที่จะช่วยคุณคลายร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้าวยำเป็นอาหารที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหน้าร้อนและเทศกาลสงกรานต์ ด้วยส่วนผสมที่หลากหลายทั้งผักและสมุนไพร ไม่เพียงแต่ความสดชื่นที่ได้รับ แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ข้าวยำอุดมไปด้วยไฟเบอร์จากผักและข้าว ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี การเลือกใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาวจะยิ่งเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น
เคล็ดลับอยู่ที่การผสมผสานรสชาติให้กลมกล่อม โดยการต้มบูดูกับสมุนไพร ใส่น้ำตาลพอประมาณเพื่อให้เค็มกลมกล่อม ไม่ใช่เพื่อความหวาน ทั้งนี้ควรชิมระหว่างปรุงเพราะบูดูแต่ละบ้านมีความเค็มไม่เท่ากัน
นอกจากรสชาติที่อร่อย การทำข้าวยำยังเป็นการทำอาหารที่สร้างความผ่อนคลาย เป็นการบำบัดจิตใจแบบหนึ่งที่เรียกว่า "คาร์ลินารี่เทอร์ราปี้" หรือ "คุกกิ้งเทอร์ราปี้" การค่อย ๆ ซอยผัก สัมผัสกลิ่นหอมของสมุนไพร ทำให้รู้สึกสบายใจและเป็นการเยียวยาจิตใจได้
ไม่เพียงแค่ไทยที่มีอาหารคลายร้อน ประเทศญี่ปุ่นก็มีเมนูที่นิยมรับประทานในหน้าร้อนเช่นกัน และหนึ่งในนั้นคือ "ฮิยาชิ ชูกะ ราเมง" ซึ่งเป็นราเมงเย็นที่คลายร้อนได้ดี
น้ำซุปของฮิยาชิ ชูกะ ราเมงมีรสชาติเปรี้ยวเค็ม ทำจากซีอิ๊วญี่ปุ่น มิริน (เหมือนไวน์หวานผสมน้ำส้มสายชู) และน้ำส้มสายชู เราสามารถเพิ่มความหอมด้วยงาขาวคั่วบดละเอียดผสมลงไป
เส้นราเมงควรเลือกชนิดที่ไม่มีสารกันบูด สังเกตจากฉลากและเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ การจัดเสิร์ฟแบบดั้งเดิมนิยมวางเครื่องเคียงเป็นวงกลมรอบเส้นหมี่ แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนตามความชอบได้ เมนูนี้เหมาะสำหรับให้เด็กๆ เข้ามาช่วยทำ โดยให้พวกเขาเลือกทอปปิงที่ชอบเองได้
อีกหนึ่งเมนูที่คนไทยนึกถึงเมื่อพูดถึงอาหารหน้าร้อนคือ ยำผลไม้ หรือแม้กระทั่งแตงโมปลาแห้ง แต่วันนี้เรามีเมนูยำผลไม้แบบพิเศษที่ให้ทั้งความสดชื่นและคุณค่าทางอาหาร
แตงโมเป็นผลไม้ที่เหมาะกับหน้าร้อนเพราะมีน้ำมาก ช่วยทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปจากการเหงื่อออก ฝรั่งมีวิตามินซีสูงและหวานน้อย ส่วนชมพู่ก็เป็นผลไม้หวานน้อยที่ให้ความสดชื่น
น้ำสลัดทำจากโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์มีชีวิต (โพรไบโอติก) ผสมกับกระเทียม พริกขี้หนู ปลาอินทรีย์ทอด น้ำผึ้ง มะนาว และพริกไทยดำ ทำให้ได้รสชาติเปรี้ยวเค็มที่กลมกล่อม ไม่หวานจนเกินไป เพราะความหวานจะมาจากผลไม้อยู่แล้ว
นอกจากแตงโม ฝรั่ง และชมพู่แล้ว ยังสามารถใส่ส้มโอและผักสดอื่นๆ เพื่อเพิ่มไฟเบอร์ เพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วยเม็ดฟักทอง เม็ดทานตะวัน และรสชาติด้วยน้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด หรือน้ำมันเมล็ดพืช
ทั้งสามเมนูที่แนะนำ ได้แก่ ข้าวยำ หมี่เย็น และยำผลไม้ ต่างเป็นอาหารที่ทำง่าย ปรับแต่งได้ตามใจชอบ และที่สำคัญให้ความสดชื่นในหน้าร้อน นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีในการสอนเด็กๆ เกี่ยวกับแหล่งที่มาของอาหาร ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ที่เลือกอาหารอย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งต่อสุขภาพตนเอง ผู้ผลิต และโลกใบนี้
เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของไทย การเลือกอาหารที่ช่วยคลายร้อน มีน้ำมาก และช่วยเพิ่มความสดชื่น จึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด อาหารเหล่านี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่าฟาสต์ฟู้ดที่อาจดูน่ากิน แต่ให้คุณค่าทางอาหารน้อย
ลองสร้างประสบการณ์ในครอบครัวด้วยการชวนทุกคนมาทำอาหารเหล่านี้ร่วมกัน นอกจากจะได้อาหารอร่อย ได้ประโยชน์แล้ว ยังได้เวลาแห่งความสุขร่วมกันในเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย
ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
เมื่อหน้าร้อนและเทศกาลสงกรานต์เวียนมาเยือน อากาศที่ร้อนระอุทำให้เราต้องการอาหารที่ช่วยดับร้อนและเพิ่มความสดชื่น วันนี้เรามีเมนูเด็ดสำหรับหน้าร้อนที่ไม่เพียงแค่อร่อย แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพและเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย มาดูกันว่าเมนูไหนบ้างที่จะช่วยคุณคลายร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้าวยำเป็นอาหารที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหน้าร้อนและเทศกาลสงกรานต์ ด้วยส่วนผสมที่หลากหลายทั้งผักและสมุนไพร ไม่เพียงแต่ความสดชื่นที่ได้รับ แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ข้าวยำอุดมไปด้วยไฟเบอร์จากผักและข้าว ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี การเลือกใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาวจะยิ่งเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น
เคล็ดลับอยู่ที่การผสมผสานรสชาติให้กลมกล่อม โดยการต้มบูดูกับสมุนไพร ใส่น้ำตาลพอประมาณเพื่อให้เค็มกลมกล่อม ไม่ใช่เพื่อความหวาน ทั้งนี้ควรชิมระหว่างปรุงเพราะบูดูแต่ละบ้านมีความเค็มไม่เท่ากัน
นอกจากรสชาติที่อร่อย การทำข้าวยำยังเป็นการทำอาหารที่สร้างความผ่อนคลาย เป็นการบำบัดจิตใจแบบหนึ่งที่เรียกว่า "คาร์ลินารี่เทอร์ราปี้" หรือ "คุกกิ้งเทอร์ราปี้" การค่อย ๆ ซอยผัก สัมผัสกลิ่นหอมของสมุนไพร ทำให้รู้สึกสบายใจและเป็นการเยียวยาจิตใจได้
ไม่เพียงแค่ไทยที่มีอาหารคลายร้อน ประเทศญี่ปุ่นก็มีเมนูที่นิยมรับประทานในหน้าร้อนเช่นกัน และหนึ่งในนั้นคือ "ฮิยาชิ ชูกะ ราเมง" ซึ่งเป็นราเมงเย็นที่คลายร้อนได้ดี
น้ำซุปของฮิยาชิ ชูกะ ราเมงมีรสชาติเปรี้ยวเค็ม ทำจากซีอิ๊วญี่ปุ่น มิริน (เหมือนไวน์หวานผสมน้ำส้มสายชู) และน้ำส้มสายชู เราสามารถเพิ่มความหอมด้วยงาขาวคั่วบดละเอียดผสมลงไป
เส้นราเมงควรเลือกชนิดที่ไม่มีสารกันบูด สังเกตจากฉลากและเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ การจัดเสิร์ฟแบบดั้งเดิมนิยมวางเครื่องเคียงเป็นวงกลมรอบเส้นหมี่ แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนตามความชอบได้ เมนูนี้เหมาะสำหรับให้เด็กๆ เข้ามาช่วยทำ โดยให้พวกเขาเลือกทอปปิงที่ชอบเองได้
อีกหนึ่งเมนูที่คนไทยนึกถึงเมื่อพูดถึงอาหารหน้าร้อนคือ ยำผลไม้ หรือแม้กระทั่งแตงโมปลาแห้ง แต่วันนี้เรามีเมนูยำผลไม้แบบพิเศษที่ให้ทั้งความสดชื่นและคุณค่าทางอาหาร
แตงโมเป็นผลไม้ที่เหมาะกับหน้าร้อนเพราะมีน้ำมาก ช่วยทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปจากการเหงื่อออก ฝรั่งมีวิตามินซีสูงและหวานน้อย ส่วนชมพู่ก็เป็นผลไม้หวานน้อยที่ให้ความสดชื่น
น้ำสลัดทำจากโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์มีชีวิต (โพรไบโอติก) ผสมกับกระเทียม พริกขี้หนู ปลาอินทรีย์ทอด น้ำผึ้ง มะนาว และพริกไทยดำ ทำให้ได้รสชาติเปรี้ยวเค็มที่กลมกล่อม ไม่หวานจนเกินไป เพราะความหวานจะมาจากผลไม้อยู่แล้ว
นอกจากแตงโม ฝรั่ง และชมพู่แล้ว ยังสามารถใส่ส้มโอและผักสดอื่นๆ เพื่อเพิ่มไฟเบอร์ เพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วยเม็ดฟักทอง เม็ดทานตะวัน และรสชาติด้วยน้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด หรือน้ำมันเมล็ดพืช
ทั้งสามเมนูที่แนะนำ ได้แก่ ข้าวยำ หมี่เย็น และยำผลไม้ ต่างเป็นอาหารที่ทำง่าย ปรับแต่งได้ตามใจชอบ และที่สำคัญให้ความสดชื่นในหน้าร้อน นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีในการสอนเด็กๆ เกี่ยวกับแหล่งที่มาของอาหาร ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ที่เลือกอาหารอย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งต่อสุขภาพตนเอง ผู้ผลิต และโลกใบนี้
เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของไทย การเลือกอาหารที่ช่วยคลายร้อน มีน้ำมาก และช่วยเพิ่มความสดชื่น จึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด อาหารเหล่านี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่าฟาสต์ฟู้ดที่อาจดูน่ากิน แต่ให้คุณค่าทางอาหารน้อย
ลองสร้างประสบการณ์ในครอบครัวด้วยการชวนทุกคนมาทำอาหารเหล่านี้ร่วมกัน นอกจากจะได้อาหารอร่อย ได้ประโยชน์แล้ว ยังได้เวลาแห่งความสุขร่วมกันในเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย
ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live