พาผู้ชมเดินทางมาที่ธัญบุรี อำเภอที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 3 ของจังหวัดปทุมธานี พื้นที่ซึ่งในอดีตเคยมีสถานะเป็นจังหวัดธัญบุรีมาก่อน แต่ถูกผนวกรวมกับจังหวัดปทุมธานีในปี พ.ศ. 2475 ธัญบุรีมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยเดิมทีเป็นพื้นที่ป่ารกทึบ แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างเมืองแห่งนี้ขึ้น และทรงเสด็จมาทำพิธีเปิดเมืองด้วยพระองค์เอง ชื่อ "ธัญบุรี" มาจากคำว่า "ธัญพืช" ซึ่งหมายถึงเมล็ดพันธุ์ รวมกับคำว่า "บุรี" ที่แปลว่าเมือง จึงมีความหมายว่า "เมืองแห่งเมล็ดพันธุ์" หรือ "เมืองแห่งข้าว" พื้นที่แถวนี้ถูกพัฒนาให้มีคลองหลายสาย เช่น คลอง 6 คลอง 7 คลอง 8 และคลอง 9 เพื่อลำเลียงน้ำให้ชาวบ้านทำการเพาะปลูก โดยเฉพาะการทำนา ทำให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมของที่นาที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร
ในการเดินทางครั้งนี้ เปอร์-สุวิกรมได้พบกับผู้คนหลากหลายอาชีพที่อาศัยอยู่ในธัญบุรี คนแรกคือ พี่ชัยชนะ ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์วินที่ย้ายจากคลองเตยมาอยู่ที่ธัญบุรีกว่า 40 ปีแล้ว เขาเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ ซึ่งเมื่อก่อนบริเวณที่เป็นที่จอดรถปัจจุบันเคยเป็นสนามเตะฟุตบอลของเด็ก ๆ แต่เมื่อความเจริญเข้ามา ประชาชนมีรถยนต์มากขึ้น สนามกีฬาจึงหายไป เขาเล่าว่าการพัฒนาเริ่มมาพร้อมกับการก่อตั้งมหาวิทยาลัยราชมงคล ทำให้มีถนนหนทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ เปอร์-สุวิกรมยังได้พบกับพี่นิว ชายหนุ่มจากภาคอีสานที่ย้ายมาทำงานที่ธัญบุรีได้เพียงปีกว่า เขาประกอบอาชีพขับรถแกร็บ และมีรายได้เสริมจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ซึ่งเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมายแต่ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย พี่นิวเล่าว่าอาชีพนี้มีทั้งแง่มุมของการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเงินด่วน และความเสี่ยงที่จะโดนลูกหนี้เบี้ยว หรือแม้กระทั่งถูกตำรวจจับกุม ซึ่งเขาเคยประสบมาแล้ว
อีกหนึ่งเรื่องราวน่าสนใจคือการพบกับน้องโกซี่ เด็กชายลูกครึ่งไทย-ไนจีเรียที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แต่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเด็กไทยทั่วไป ทำให้เห็นความหลากหลายทางเชื้อชาติในพื้นที่ธัญบุรี พี่เปอร์-สุวิกรมยังได้พบกับพี่บุ๋ม ชายวัยกลางคนที่เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาเพื่อมาซ่อมรถที่อู่ในธัญบุรี แม้จะอยู่คนละจังหวัด แต่เขายังคงเดินทางกลับมาเพราะไว้ใจช่างซ่อมที่นี่ พี่บุ๋มเป็นอดีตวิศวกรเครื่องกลที่ปัจจุบันเกษียณตัวเองก่อนวัย และหันไปทำไร่ทำสวนที่โคราช เขาเล่าถึงปรัชญาชีวิตว่าเริ่มวางแผนการเกษียณตั้งแต่อายุ 30 ปี โดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการซื้อที่ดินและสร้างตึกแถวเพื่อปล่อยเช่า จนทำให้ปัจจุบันมีรายได้เดือนละ 50,000-60,000 บาท จากการปล่อยเช่าห้องประมาณ 10 ห้อง
ธัญบุรีในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก จากเมืองที่เน้นการเกษตรและการทำนา กลายเป็นพื้นที่ชุมชนเมืองที่มีมหาวิทยาลัย หอพัก และร้านค้ามากมาย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่ทำให้พื้นที่นี้เจริญเติบโต โดยรอบมหาวิทยาลัยมีถนนคนเดินที่เปิดให้บริการสามวันต่อสัปดาห์ คือวันอังคาร พุธ และพฤหัสบดี ทำให้มีนักศึกษา ครู อาจารย์ และผู้คนจำนวนมากมาใช้ชีวิตในบริเวณนี้ แม้ว่าธัญบุรีจะมีการพัฒนาอย่างมาก แต่ยังคงมีร่องรอยของอดีตให้เห็น ทั้งคลองที่ขุดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และพื้นที่นาที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจถึงรากเหง้าของพื้นที่แห่งนี้ในฐานะ "เมืองแห่งข้าว"
การได้พบปะกับผู้คนที่มีเรื่องราวและภูมิหลังต่างกัน ทำให้เห็นภาพของธัญบุรีที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย จากชุมชนเกษตรกรรมสู่เมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายอาชีพและชาติพันธุ์ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสงสัยคือ เมื่อความเจริญเข้ามา สิ่งที่หายไปจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของธัญบุรีคืออะไร? และคนรุ่นใหม่ที่อาศัยในพื้นที่นี้ จะยังคงรักษาอัตลักษณ์ของความเป็น "เมืองแห่งข้าว" ไว้ได้อย่างไรในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ติดตามชมได้ในรายการ ยินดีที่ได้รู้จัก วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 เวลา 17.05 - 17.30 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live และรับชมยินดีที่ได้รู้จักฉบับ UNCUT ได้ที่ www.VIPA.me
พาผู้ชมเดินทางมาที่ธัญบุรี อำเภอที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 3 ของจังหวัดปทุมธานี พื้นที่ซึ่งในอดีตเคยมีสถานะเป็นจังหวัดธัญบุรีมาก่อน แต่ถูกผนวกรวมกับจังหวัดปทุมธานีในปี พ.ศ. 2475 ธัญบุรีมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยเดิมทีเป็นพื้นที่ป่ารกทึบ แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างเมืองแห่งนี้ขึ้น และทรงเสด็จมาทำพิธีเปิดเมืองด้วยพระองค์เอง ชื่อ "ธัญบุรี" มาจากคำว่า "ธัญพืช" ซึ่งหมายถึงเมล็ดพันธุ์ รวมกับคำว่า "บุรี" ที่แปลว่าเมือง จึงมีความหมายว่า "เมืองแห่งเมล็ดพันธุ์" หรือ "เมืองแห่งข้าว" พื้นที่แถวนี้ถูกพัฒนาให้มีคลองหลายสาย เช่น คลอง 6 คลอง 7 คลอง 8 และคลอง 9 เพื่อลำเลียงน้ำให้ชาวบ้านทำการเพาะปลูก โดยเฉพาะการทำนา ทำให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมของที่นาที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร
ในการเดินทางครั้งนี้ เปอร์-สุวิกรมได้พบกับผู้คนหลากหลายอาชีพที่อาศัยอยู่ในธัญบุรี คนแรกคือ พี่ชัยชนะ ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์วินที่ย้ายจากคลองเตยมาอยู่ที่ธัญบุรีกว่า 40 ปีแล้ว เขาเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ ซึ่งเมื่อก่อนบริเวณที่เป็นที่จอดรถปัจจุบันเคยเป็นสนามเตะฟุตบอลของเด็ก ๆ แต่เมื่อความเจริญเข้ามา ประชาชนมีรถยนต์มากขึ้น สนามกีฬาจึงหายไป เขาเล่าว่าการพัฒนาเริ่มมาพร้อมกับการก่อตั้งมหาวิทยาลัยราชมงคล ทำให้มีถนนหนทางที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ เปอร์-สุวิกรมยังได้พบกับพี่นิว ชายหนุ่มจากภาคอีสานที่ย้ายมาทำงานที่ธัญบุรีได้เพียงปีกว่า เขาประกอบอาชีพขับรถแกร็บ และมีรายได้เสริมจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ซึ่งเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมายแต่ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย พี่นิวเล่าว่าอาชีพนี้มีทั้งแง่มุมของการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเงินด่วน และความเสี่ยงที่จะโดนลูกหนี้เบี้ยว หรือแม้กระทั่งถูกตำรวจจับกุม ซึ่งเขาเคยประสบมาแล้ว
อีกหนึ่งเรื่องราวน่าสนใจคือการพบกับน้องโกซี่ เด็กชายลูกครึ่งไทย-ไนจีเรียที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แต่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเด็กไทยทั่วไป ทำให้เห็นความหลากหลายทางเชื้อชาติในพื้นที่ธัญบุรี พี่เปอร์-สุวิกรมยังได้พบกับพี่บุ๋ม ชายวัยกลางคนที่เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาเพื่อมาซ่อมรถที่อู่ในธัญบุรี แม้จะอยู่คนละจังหวัด แต่เขายังคงเดินทางกลับมาเพราะไว้ใจช่างซ่อมที่นี่ พี่บุ๋มเป็นอดีตวิศวกรเครื่องกลที่ปัจจุบันเกษียณตัวเองก่อนวัย และหันไปทำไร่ทำสวนที่โคราช เขาเล่าถึงปรัชญาชีวิตว่าเริ่มวางแผนการเกษียณตั้งแต่อายุ 30 ปี โดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการซื้อที่ดินและสร้างตึกแถวเพื่อปล่อยเช่า จนทำให้ปัจจุบันมีรายได้เดือนละ 50,000-60,000 บาท จากการปล่อยเช่าห้องประมาณ 10 ห้อง
ธัญบุรีในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก จากเมืองที่เน้นการเกษตรและการทำนา กลายเป็นพื้นที่ชุมชนเมืองที่มีมหาวิทยาลัย หอพัก และร้านค้ามากมาย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่ทำให้พื้นที่นี้เจริญเติบโต โดยรอบมหาวิทยาลัยมีถนนคนเดินที่เปิดให้บริการสามวันต่อสัปดาห์ คือวันอังคาร พุธ และพฤหัสบดี ทำให้มีนักศึกษา ครู อาจารย์ และผู้คนจำนวนมากมาใช้ชีวิตในบริเวณนี้ แม้ว่าธัญบุรีจะมีการพัฒนาอย่างมาก แต่ยังคงมีร่องรอยของอดีตให้เห็น ทั้งคลองที่ขุดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และพื้นที่นาที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจถึงรากเหง้าของพื้นที่แห่งนี้ในฐานะ "เมืองแห่งข้าว"
การได้พบปะกับผู้คนที่มีเรื่องราวและภูมิหลังต่างกัน ทำให้เห็นภาพของธัญบุรีที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย จากชุมชนเกษตรกรรมสู่เมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายอาชีพและชาติพันธุ์ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสงสัยคือ เมื่อความเจริญเข้ามา สิ่งที่หายไปจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของธัญบุรีคืออะไร? และคนรุ่นใหม่ที่อาศัยในพื้นที่นี้ จะยังคงรักษาอัตลักษณ์ของความเป็น "เมืองแห่งข้าว" ไว้ได้อย่างไรในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ติดตามชมได้ในรายการ ยินดีที่ได้รู้จัก วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 เวลา 17.05 - 17.30 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live และรับชมยินดีที่ได้รู้จักฉบับ UNCUT ได้ที่ www.VIPA.me