รู้หรือไม่? การเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ต้องจัดในวันอังคารหลังวันจันทร์แรกเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้เกษตรกรเดินทางมาใช้สิทธิได้สะดวก ลดความขัดแย้งทางศาสนา แต่ปัจจุบันการเลือกตั้งล่วงหน้าและทางไปรษณีย์ทำให้วันอังคารกลายเป็นเพียง "วันสุดท้ายของการเลือกตั้ง" แทน
อีลอน มัสก์ เข้ามามีบทบาทในการเมืองอเมริกันแทบไม่เว้นวัน โดยเฉพาะวิธีการช่วยหาเสียงให้โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถูกวิจารณ์มาก ล่าสุด มีข้อครหาว่ามัสก์ติดต่อพูดคุยกับผู้นำรัสเซียมานาน 2 ปีแล้ว แม้ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ประเด็นนี้ก็มองข้ามไปไม่ได้
รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ เดินหน้านโยบายคนเข้าเมืองด้วยการออกระเบียบปฏิบัติฉบับใหม่ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถค้น จับและเนรเทศออกจากสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่หวาดผวาของบรรดาคนเข้าเมืองผิดกฎหมายในสหรัฐฯ ที่มีอยู่ประมาณ 11 ล้านคน
ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะไปได้อย่างถล่มทลายทำให้หลายประเทศร่วมแสดงความยินดี ขณะที่ในสหรัฐฯ มีกลุ่มต่อต้านร่วมเคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจเช่นกัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภายใต้การนำของทรัมป์ในสมัยหน้า เกิดกระแสความกังวลและการกล่าวโทษกันไปมา โดยเฉพาะในฝั่งเดโมแครต จนล่าสุดผู้นำคนปัจจุบันต้องเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเพลา ๆ ลงบ้าง
ร้าน Mannino's Bakery ใน Sterling Heights เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ผลิตคุกกี้ที่เขียนชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” และ “คามาลา แฮร์ริส” สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบหรือเชียร์ใครก็ซื้อคุกกี้ชื่อนั้นสีนั้นกลับไปกิน เรียกได้ว่าเป็นการสำรวจความนิยมผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ไม่ต้องตอบคำถามกันให้เสียเวลา
ในวันที่ 5 พ.ย. นี้ จะเป็นวันที่ชาวสหรัฐอเมริกาจะลงคะแนนเสียง #เลือกตั้งประธานาธิบดี คนต่อไป ครั้งนี้เป็นการชิงชัยระหว่าง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ที่มีจุดยืนทางการเมืองและนโยบายที่ต่างกันอย่างมาก น่าแปลกใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ "คนผิวสี" กลับกลายเป็นฐานเสียงสำคัญของทรัมป์ไปเสียแล้ว
การเดินสายหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้มข้นมากขึ้น หลังจากผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีแข่งกันเจาะพื้นที่ในรัฐสมรภูมิ "คามาลา แฮร์ริส" หันมาใช้กลยุทธ์เจาะกลุ่มผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน หลังจากผลการสำรวจ พบว่า คะแนนนิยมของทั้งคู่หายใจรดต้นคอ
รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติขายอาวุธรอบใหม่แก่อิสราเอล มูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการอนุมัติการขาย เครื่องบินรบ F-15 และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ให้กับอิสราเอล นอกจากนี้ยังอนุมัติการขาย กระสุนรถถัง และยานพาหนะทางทหาร ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของอิสราเอลในการรับมือกับภัยคุกคามจากศัตรูทั้งในปัจจุบันและอนาคต อย่างไรก็ตามกระสุนรถถังจะสามารถส่งให้อิสราเอลได้เกือบทันที แต่เครื่องบินรบต้องใช้เวลาในการผลิต คาดว่าจะส่งเริ่มจัดส่งได้ในปี 2029