พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมแถลงผลการตรวจสอบเอกสารการเกณฑ์หทารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตามหนังสือที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่อง เนื่องจากมีผู้ร้องกล่าวหาพบว่า นายอภิสิทธิ์ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกิน หรือ สด.9 ตั้งแต่ปี 2529 แต่ด้วยเหตุที่อายุครบการเกณฑ์ทหารในปี 2530
แต่เมื่อถึงกำหนดเกณฑ์กลับไม่ได้เข้าเกณฑ์ทหารตามกำหนด ขณะเดียวกันได้มีการสมัครเป็นข้าราชการทหารและรับหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และ เมื่อต้องยื่นเอกสารหลักฐาน พบว่า มีการแจ้งสูญหายจึงได้ขอใบแทน สด.9 เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการหรือ สด.3 ด้วยการลงบันทึกว่า เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 8 เมษายน ปี 2531
รมว.กลาโหม กล่าวโดยสรุปว่า การดำเนินการเข้าบรรจุเป็นข้าราชการทหารของนายอภิสิทธิ์มีการใช้เอกสารเท็จจำนวน 2 ฉบับ คือใบรับรองการผ่อนผันการเกณฑ์หทาร และ เอกสารใบสำคัญ สด.9 แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย พร้อมกันนั้นยังพบว่า ระหว่างเข้ารับราชการมีการลาไปต่างประเทศถึง 3 ครั้ง รวม 221 วัน ทั้งที่ข้าราชการปกติสามารถลาได้เพียง 70 วันเท่านั้น ทั้งนี้หลังจากนี้จะมอบหมายให้นายทหารพระธรรมนูญพิจารณาดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. มีมติชี้มูลนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ใช้อำนาจหน้าที่ระหว่างดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำด้วยเหตุการณ์แต่งตั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 19 คนเข้าช่วยราชการในกระทรวงวัฒนธรรม ล่าสุดนายสุเทพ ในฐานะ ส.ส.ประชาธิปัตย์ กล่าวยอมรับในมติของป.ป.ช. แม้จะระบุว่า หนังสือการแต่งตั้งฉบับนั้นได้ยกเลิกภายหลังแล้วก็ตาม
นายสุเทพ เปิดเผยว่า หากขั้นตอนต่อไปวุฒิสภาลงมติถอดถอนตามกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลอาจส่งผลให้คุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญและขาดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. รวมถึงถูกตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี พร้อมที่จะยุติบทบาททางการเมืองไปในคราวเดียวกันนี้