สถานการณ์การสู้รบในเมืองอเลปโป้ เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศซีเรียยังคงเกิดขึ้นรายวัน โดยเฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาลซีเรียใช้วิธีโจมตีทางอากาศ ขณะที่ฝ่ายต่อต้านหันไปใช้กลยุทธ์จับผู้สนับสนุนรัฐบาลซีเรียอย่างชาวอิหร่าน และชาวเลบานอนที่นับถือนิกายชีอะห์เป็นตัวประกัน ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำให้ความแตกแยกทางศาสนารุนแรงมากขึ้น
ส่วนในเมืองดามัสกัส กลุ่มผู้สื่อข่าวที่สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซ๊าด ได้รวมตัวกันหน้าสำนักข่าวซาน่าของทางการ เพื่อประท้วงต่อต้านสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "การทำสงครามก่อการร้ายกับสื่อมวลชน" การรวมตัวในครั้งนี้ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้สื่อข่าวที่ถูกลักพาตัว และประณามการสังหารผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซาน่าในบ้านพักของผู้สื่อข่าว โดยระบุว่าผู้ก่อเหตุพยายามจะปิดปากสื่อมวลชน แต่เป็นการคิดผิด เพราะสื่อมวลชนทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชน จึงเชื่อมั่นว่าชาวซีเรียจะปกป้องนักข่าว
ส่วนที่นครเมกกะ ของซาอุดิอาระเบียมีการประชุมขององค์การความร่วมมืออิสลามหรือ "โอไอซี" ประกอบไปด้วยผู้นำจากประเทศสมาชิก 57 ประเทศ ซึ่งจะมีการเสนอให้ขับซีเรียออกจากการเป็นสมาชิก แม้ว่าแนวทางดังกล่าวจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลซีเรียมากนัก แต่ถือเป็นการประท้วงในเชิงสัญลักษณ์ และที่สำคัญจะทำให้ประธานาธิบดีมาห์มูธ อาห์มาดีนีจ๊าด ของอิหร่านที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรียมาโดยตลอด รับรู้ว่าโอไอซีไม่ต้องการสนับสนุนซีเรีย นอกจากการหารือเรื่องซีเรียแล้ว ที่ประชุมโอไอซีจะหารือถึงสถานการณ์ของชาวมุสลิมโรฮิงยาในพม่าที่ขัดแย้งกับชาวพุทธในรัฐยะไข่ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 78 คน ไร้ที่อยู่อาศัยนับหมื่นคน
นายลีออน พาเน็ตต้า รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ แถลงว่าอิหร่านได้ส่งความช่วยเหลือ และฝึกกำลังพลให้กับรัฐบาลซีเรีย ส่วนการประกาศเขตห้ามบินในซีเรียนั้น สหรัฐฯระบุว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่สิ่งที่สหรัฐฯให้ความสำคัญมากที่สุดตอนนี้ คือการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และให้การสนับสนุนสิ่งที่ไม่ใช่อาวุธแก่ฝ่ายต่อต้าน นอกจากนี้ สหรัฐฯยังต้องทำให้มั่นใจว่ารัฐบาลซีเรียจะไม่ใช้อาวุธเคมี และอาวุธชีวภาพ