“วิทยา”เตรียมหารือแนวทางขยายสิทธิ์รักษา 3กองทุนสุขภาพรัฐ
เตรียมจัดระบบให้บริการผู้ป่วยไตวายและเอดส์ก่อนดีเดย์ 1ต.ค.นี้
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณาการสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพภาครัฐทั้งจากกรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และมีนโยบายให้วันที่ 1ตุลาคมนี้ให้เริ่มระบบการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ และผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว จึงได้จัดประชุมเพื่อจัดระบบการให้บริการภายใต้หลักการ คือ ผู้ป่วยทุกรายทุกสิทธิเข้าถึงการบำบัดรักษาด้วยเกณฑ์มาตรฐานอันเดียวกัน จะได้รับการรักษาต่อเนื่องโดยวิธีการรักษาแบบเดิมแม้จะมีการเปลี่ยนสิทธิการรักษา โดยจะได้รับการรักษาภายใต้ระบบบริการของกองทุนที่ย้ายเข้าไปใหม่ และหน่วยบริการสาธารณสุขจะได้รับชดเชยค่าบริการและเวชภัณฑ์ตามระเบียบของกองทุนที่ผู้ป่วยย้ายเข้าใหม่
ทั้งนี้ สำหรับระบบการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ทั้ง 3 กองทุนสุขภาพนั้น ยังมีแนวทางการรักษาด้วยยาต้านไวรัสและยาอื่นๆ การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการติดตามการรักษา บริการให้คำปรึกษาและตรวจเลือดแบบสมัครใจ การป้องกันโรคเอดส์ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ขณะที่ระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายทุกรายทุกสิทธิเข้าถึงการบำบัดรักษาด้วยเกณฑ์มาตรฐานอันเดียวกัน หน่วยบริการและผู้ป่วยทุกราย ได้รับทราบสิทธิประโยชน์และแนวทางปฏิบัติ ในกรณีที่จะต้องเปลี่ยนสิทธิการรักษาในระหว่างการบำบัดทดแทนไต ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายทุกรายทุกสิทธิได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนการเข้ารับบำบัดทดแทนไตภายใต้บริการของคลินิกโรคไตวายเรื้อรัง ( CKD clinic ) ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่เปลี่ยนสิทธิการรักษาได้รับการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีการรักษาแบบเดิมอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องสำรองเงินค่าใช้จ่ายและได้รับความสะดวกหากจำเป็นต้องเปลี่ยนไปรับการรักษาที่หน่วยบริการคู่สัญญาของกองทุนที่ย้ายเข้าใหม่ ผู้ป่วยโรคที่รับการบำบัดทดแทนไตที่เปลี่ยนสิทธิการรักษาทุกรายได้รับแจ้งทางจดหมายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์หรือข้อมูลหน่วยบริการข้างเคียงในกรณีที่จะต้องเปลี่ยนสถานที่รักษา
“นอกจากนั้น ในการบูรณาการโรคเอดส์และไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย 3 กองทุนนั้น แผนระยะต่อไปสร้างความเป็นเอกภาพของระบบ โดยเร่งบูรณาการสิทธิประโยชน์และแนวทางการชดเชยบริการของ 3 กองทุนที่ยังมีข้อแตกต่างบางประการให้เป็นรูปแบบเดียวกันภายในระยะเวลา 2 ปี รวมถึงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลกลาง การบริหารการเบิกยา เพื่ออำนวยความสะดวกหน่วยบริการให้มีระบบเดียวกัน เป้าหมายหลักคือผู้ป่วยต้องไม่ขาดยา ผู้ป่วยต้องไม่ขาดการรักษาเนื่องจากการเปลี่ยนสิทธิ ให้ผู้ป่วยรับยาในที่เดียว”นายวิทยากล่าว
ทั้งนี้ จะมีการสรุปแนวทางการจัดระบบให้บริการในวันอังคารที่ 18 กันยายน นี้ เวลา 13.30 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข