ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“นายกฯ” เสียดาย “ยงยุทธ” ลาออก ย้ำดูเวลา-บุคคลเหมาะสมก่อนปรับ ครม.

การเมือง
29 ก.ย. 55
09:17
88
Logo Thai PBS
“นายกฯ” เสียดาย “ยงยุทธ” ลาออก ย้ำดูเวลา-บุคคลเหมาะสมก่อนปรับ ครม.

นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ย้ำจะไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้ แม้ว่านายยงยุทธ ได้ลาออกแล้ว แต่จะมอบหมายงานให้รองนายกรัฐมนตรี และ รมช.หาดไทย ทำหน้าที่แทน ส่วนการปรับ ครม.ขอดูเวลาที่เหมาะสม

หลังเสร็จสิ้นภารกิจประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการลาออกของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐว่า เสียดายนายยงยุทธ เพราะเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานมาตลอด การลาออกถือเป็นความเสียสละเพื่อไม่ให้เกิดข้อกังวลใจต่อการทำหน้าที่ แต่ก็เคารพการตัดสินใจ โดยจากนี้ จะยังไม่แต่งตั้งให้ใครรักษาการแทน แต่จะใช้วิธีการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ช่วยดูแลงานแทน โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันอังคารหน้า จะสรุปรายละเอียดอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่า จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากต้องการให้การทำงานเกิดความต่อเนื่อง แต่จะปรับในช่วงเวลาที่เหมาะสม พร้อมยอมรับทั้งพรรคเพื่อไทย และบ้านเลขที่ 11 มีบุคคลที่มีความสามารถแต่ก็ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นด้วย ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส.ของนายยงยุทธ ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ได้เดินทางไปรับนายกรัฐมนตรีที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรายงานกรณีการลาออกด้วยตัวเอง จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ย้ำถึงการทำหน้าที่ ส.ส.โดยอ้างถึงกรณีของ นายสัก กอแสงเรือง อดีต ส.ว.ที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่จนถึงวันที่มีคำวินิจฉัยจากศาล พร้อมย้ำการลาออกไม่เกี่ยวกับกระแสกดดันในพรรค

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ จะประชุม ส.ส.พรรค ในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคมนี้ เพื่อหารือการตีความคุณสมบัติความเป็น ส.ส.ของนายยงยุทธ ที่ต้องรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 10 ชื่อ เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมยูเอ็นว่า ประเทศไทยได้มีการลงนามความร่วมมือกับหลายประเทศ โดยเฉพาะการลงนามความร่วมมืออนุสัญญาเกี่ยวกับสิทธิเด็ก เพื่อให้เด็กที่ถูกกระทำรุนแรงสามารถเข้ามาร้องเรียนได้ ขณะเดียวยังได้ย้ำต่อที่ประชุมยูเอ็นต่อแนวทางแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี ซึ่งปัจจุบันประเทศต่างๆ ก็หันมาใช้เวทีระดับโลกร่วมกันแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดความสงบและสันติภาพในแต่ละภูมิภาค


ข่าวที่เกี่ยวข้อง