นายมาร์วิค เลโอเนน หัวหน้าเจรจาฝ่ายรัฐบาลบอกว่า การตกลงยอมวางอาวุธของแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโรซึ่งเป็นที่รวมของกลุ่มต่าง ๆ บนเกาะมินดาเนา พื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ โดยแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโรต่อสู้ด้วยอาวุธเพื่อแบ่งแยกดินแดนพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ไปจัดตั้งเป็นรัฐอิสลาม
ซึ่งหมายถึงการพยายามแยกตัวเป็นเอกราช แต่การบรรลุข้อตกลงสันติภาพครั้งนี้หมายถึงเกาะมินดาเนายังคงอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศฟิลิปปินส์ แต่มีการกระจายอำนาจให้ไปโดยใช้รูปแบบรัฐสภา ในรูปแบบกระจายอำนาจ
โดยรัฐบาลกลางของฟิลิปปินส์ยังคงควบคุมในเรื่องหลัก ๆ ทั้งด้านการป้องกันประเทศ ความมั่นคง นโยบายต่างประเทศ นโยบายการเงินการคลัง ความเป็นพลเมือง และ ทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนเกาะมินดาเนาจะบริหารจัดการภายในพื้นที่บางเรื่องได้มากขึ้น ทั้งการเมือง การจัดสรรทรัพยากร รวมถึงจัดเก็บภาษีได้เอง
สำหรับขั้นตอนต่อไป ระหว่างนี้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและขบวนการโมโรได้ร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา 1 ชุดจำนวน 15 คน ซึ่งคณะกรรมาธิการชุดนี้มีหน้าที่ยกร่างกฏหมายฉบับหนึ่ง มีชื่อเรียกว่า "บังสะโมโร" โดยจะต้องให้แล้วเสร็จภายในปีพุทธศักราช 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า
จากนั้นจะมีการจัดทำประชามติ และ ถ้าผ่านจะนำเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติของสภาคองเกรสเพื่อออกมาเป็นกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญในปีถัดไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายเบนิกโน่ อาคีโน่ สรุปได้ในที่สุดฟิลิปปินส์ต้องดับไฟใต้ที่ดำเนินมา 40 ปีด้วยการกระจายอำนาจในรูปแบบสภา