นักโภชนาการแนะวิธีออกเจให้ร่างกายปรับสภาพได้
เทศกาลกินเจที่ต่อเนื่องกัน 10 วัน และจะสิ้นสุดในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมนักโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลกินเจร่างกายไม่ได้รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด ทำให้ร่างกายผลิตน้ำย่อยเพื่อย่อยเนื้อสัตว์ลดลง ฉะนั้นหลังหมดเทศกาลกินเจ จึงควรเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว และกลับมาทำงานตามปกติ โดยมีวิธีง่ายๆ ในการปรับตัวดังนี้
1.ไม่ควรหักดิบ เลิกทานผักโดยสิ้นเชิง แล้วโหมทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก ควรทานผักผลไม้ให้ได้วันละประมาณ 5 กำมือ ส่วนโปรตีนควรเลือกจากอาหารที่ย่อยง่ายๆ เช่น ปลา, ไข่, ไก่, นม ถือเป็นโปรตีนคุณภาพสูง ปริมาณที่ควรทานอยู่ที่มื้อละประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ ก็ถือว่าเพียงพอ
2.ไม่ควรทานเนื้อสัตว์ประเภทที่ย่อยยาก เช่น สเต็กชิ้นใหญ่ เนื้อติดมันมากๆ
3.ไม่ดื่มนมในขณะที่ท้องว่าง เพราะระหว่างที่ทานเจ น้ำย่อยแลคโตสจะน้อยลง และร่างกายยังปรับตัวไม่ได้ ทำให้เมื่อดื่มนมขณะท้องว่างจะเกิดแก๊สในกระเพาะอาหารทำให้ท้องอืด หรือท้องเสียได้
4.ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เพื่อให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ง่ายขึ้น
5.ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภท ผัด ทอด แม้ในช่วงพ้นการกินเจแล้ว และควรทานอาหารประเภท นึ่ง ต้ม ตุ๋น แทนเพื่อลดปริมาณไขมันส่วนเกิน ซึ่งหากทำได้ตามคำแนะนำดังกล่าว จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องเดิน ท้องอืด ซึ่งมักจะเกิดกับผู้ที่เลิกกินเจ และหันกลับมากินเนื้อสัตว์ตามปกติ
ทั้งนี้อาจารย์สง่า ยังกล่าวอีกว่า ในเทศกาลกินเจ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 10 วัน แต่ก็ช่วงเวลาที่ส่งเสริมให้คนไทยหันมาทานผัก, ผลไม้, ข้าวกล้อง และธัญพืช ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น ซึ่งอาหารประเภทนี้ควรทานอย่างต่อเนื่อง โดยวิธีการทานแบบง่ายๆ ที่อาจารย์สง่าแนะนำคือ
1.เลือกทานผักให้หลากหลาย ในทุกมื้อควรทานผักให้ได้หลายๆ สี
2.ล้างผักให้สะอาดด้วยการแช่น้ำผสมเกลือทิ้งไว้ 10-15 นาที ก่อนนำมาล้างผ่านน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าผักไม่มีสารปนเปื้อน
นอกจากนี้หลังเทศกาลกินเจให้ลองชั่งน้ำหนักดู หากพบว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้น ลองหาสาเหตุจากการทาน ว่าในช่วงทานเจนั้น เน้นอาหารประเภทไหน เช่น แป้ง, ของมัน หรือของทอด จะได้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกทานอาหารทั้งในช่วงเทศกาลเจในปีต่อไป และการทานอาหารหลังจากนี้
ทั้งนี้นอกจากทานเจแล้ว หากได้ถือศีลด้วย ก็จะทำให้จิตใจผ่องใส เมื่อเลิกทานเจแล้ว ก็ควรนำพฤติกรรมในช่วงทานเจ ไปใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำจิตใจให้ผ่องใส หรือการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ การทานผักให้ได้ปริมาณที่พอเพียงในทุกมื้อ หลีกเลี่ยงอาหารประเภทเค็ม, มัน, ทอด และหวาน อีกทั้งหมั่นออกกำลังกาย จะทำให้สุขภาพแข็งแรง และไม่เกิดปัญหาน้ำหนักเกินมาตรฐาน ที่เป็นต้นต่อของการเกิดโรคเรื้อรังอีกหลายโรคอีกด้วย