ปริศนารสนิยมทางเพศของ
"จงทำลายศัตรูของท่านด้วยการทำให้เขาเป็นมิตร" คือแนวคิดที่เปิดรับความแตกต่างในสังคมของ อับราฮัม ลินคอล์น 1 ในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ผู้ผลักดันให้เกิดการเลิกทาสเพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียม แต่ความพยายามผูกมิตรกับคนทุกฝ่าย โดยเฉพาะในแวดวงการเมือง กลับนำมาซึ่งข้อกังขาอันเป็นปริศนามาหลายศตวรรษว่าประธานาธิบดีคนที่ 16 ผู้นี้มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน
รสนิยมทางเพศของลินคอล์นกลับมาเป็นที่ถกเถียงอีกครั้ง หลังการตีพิมพ์ของ The Intimate World of Abraham Lincoln ชีวประวัติของลินคอล์นปี 2005 โดย ซี. เอ. ทริปป์ ที่ชี้ว่าแม้ลินคอล์นจะแต่งงานและมีลูกถึง 4 คน แต่มีหลักฐานหลายอย่างชี้ว่าลินคอล์นมีความพึงใจทางเพศกับผู้ชาย ทั้งบทกลอนที่แต่งขึ้นในวัยหนุ่มที่เนื้อหากล่าวถึงการแต่งงานของคนรักเพศ เดียวกัน และประวัติการร่วมเตียงนอนกับผู้ชาย ทั้งเพื่อนในวัยหนุ่มอย่าง โจชัว สปีด ที่อาศัยอยู่ด้วยกันถึง 4 ปี และ เดวิด เดิร์กกินสัน นายทหารองครักษ์ที่มาร่วมเตียงนอนกับลินคอล์นนับปีระหว่างที่ แม่รี ทอดด์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ไม่อยู่ที่บ้าน
ในมุมมองของนักประวัติศาสตร์กลับเห็นว่าไม่ควรนำบริบทของยุคสมัยที่แตกต่าง ไปตีความเพศวิถีของคนในอดีต โดยชี้ว่าในศตวรรษที่ 19 ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายสองคนจะร่วมเตียงกันด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจโดยไม่มี เรื่องทางเพศมาเกี่ยวข้อง ซึ่งลินคอล์นไม่เคยปกปิดเรื่องดังกล่าว และคู่แข่งทางการเมืองร่วมสมัยกับเขาก็ไม่เคยนำประเด็นนี้มาหาเสียงโจมตีอีกด้วย
เรื่องราวส่วนตัวของลินคอล์นกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งจากการออกฉายของ Lincoln ภาพยนตร์ชีวประวัติผลงานล่าสุดของ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่ตีแผ่เรื่องราวใน 4 เดือนสุดท้ายของอับราฮัม ลินคอล์น โดย โทนี คูชเนอร์ ผู้เขียนบทภาพยนตร์ยอมรับว่า แม้เขาจะเชื่อในทฤษฎีรักเพศเดียวกันของลินคอล์น แต่ภาพลักษณ์ความหลากหลายทางเพศของเขาจะไม่ถูกกล่าวถึง เพราะหนังถ่ายทอดช่วงชีวิตที่ลินคอล์นผูกพันกับการเปลี่ยนแปลงทางประวัติ ศาสตร์ของสหรัฐฯ จนไม่เหลือที่ว่างให้เจาะลึกชีวิตส่วนตัว ซึ่งคูชเนอร์เชื่อว่าความรักที่ลินคอล์นมีต่อภรรยาเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ใจ และไม่คิดว่ารสนิยมทางเพศของเขาจะทำให้ผู้คนมองเขาเปลี่ยนไปจากรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ที่สร้างสังคมประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน