เปิดใจแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ : ถูกปลูกฝังให้แบ่งแยกดินแดน 
"มีการฝึกวิดพื้น ฝึกด้านร่างกายต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับร่างกาย ในช่วงแรก รวมไปถึงการสาบานตน " นี่คือคำบอกเล่าของแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบระดับปฎิบัติการรายนี้ ซึ่งเมื่อผ่านการซุมเปาะ หรือการสาบานตน และฝึกฝนร่างกายแล้วก็จะถูกแกนนำสั่งให้ออกก่อเหตุ โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่เขาเข้าร่วมคือการป่วนเมืองด้วยการนำธงชาติมาเลเซีย ไปติดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อผ่านปฎิบัติการขั้นต้นแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการเข้าโจมตีกองกำลังเจ้าหน้าที่
แนวร่วมรายนี้ ยังเผยว่าในตอนแรกเขาไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ แต่ไม่สามารถที่จะขัดขืนได้ เพราะในแต่ละหมู่บ้านจะมีแกนนำคอยควบคุม ส่วนการปลูกฝังอุดมการณ์มีเป้าหมายหลักคือการแบ่งแยกดินแดน โดยแกนนำที่มาชักจูงระบุว่า หากทำสำเร็จประชาชนในพื้นที่ทุกคนจะได้รับเงินคนละ 6,000 บาทต่อเดือน โดยไม่บอกแหล่งที่มาของรายได้
ทุกวันนี้เขาถอนตัวออกจากขบวนการก่อความไม่สงบ แต่การใช้ชีวิตก็ยังยากลำบากเพราะต้องหวาดระแวงเรื่องความปลอดภัย ทั้งจากแนวร่วมด้วยกันรวมถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งมาเฝ้าติดตามพฤติกรรม ทำให้แนวร่วมหลายคนยังไม่กลับใจ ซึ่ง เพชรดาว โต๊ะมีนา ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 15 เห็นว่าสังคมต้องเปิดใจและเปิดโอกาสให้กับกลุ่มคนเหล่านี้
ขณะ อนุกูล อาแวปูเต๊ะ ศูนย์ทนายความมุสลิมเรียกร้องให้การใช้มาตรตรา 21 ตามพระราชบัญญัติความมั่นคงมีผลบังคับใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเปิดทางให้ผู้คิดต่างได้กลับตัวและมีทางออก
ด้าน พ.อ.ปราโมท พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าระบุว่า ไม่ได้มองผู้ที่มีอุดมการณ์ต่อสู้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอาชญากรโดยตั้งใจแต่เกิดจากการปลูกฝังไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ในเรื่องของประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ ซึ่งขณะนี้ภาครัฐได้ออกนโยบายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ให้เอื้อต่อการพูดคุย เพื่อแสวงหาทางความขัดแย้ง