นายกฯชี้ 6 เดือนนี้จีดีพีอยู่ร้อยละ 5.5
ระหว่างกล่าวมอบนโยบาย 4 ยุทธศาตร์ประเทศ เพื่อให้ส่วนราชการร่วมขับเคลื่อน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า 1 ปีเศษที่ผ่านมา การบริหารราชการมีความท้าทายหลายด้าน เพราะปัจจัยภายใน และนอกประเทศไม่หยุดนิ่งทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเหตุให้เศรษฐกิจของไทยไม่สมดุล แต่ด้วยความร่วมมืออย่างบูรณาการ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ระหว่างการฟื้นตัว
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 48 ของจีดีพี ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าภายใน 6 เดือนนี้ จีดีพีของประเทศจะอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ส่วนภาวะเงินเฟ้อ อยู่ในภาวะปกติ คือร้อยละ 3 ซึ่งแม้ที่ผ่านจะขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 400,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันสามารถรักษาภาวะขาดดุลลดลงต่อเนื่อง ภาวะตกงานน้อยลง ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก หนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 43.9 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค
นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการเดินหน้านโยบายและการใช้จ่ายงบประมาณระหว่างปี 2555 - 2556 พบว่าประสบความสำเร็จ พร้อมกล่าวย้ำแผนการลงทุนอันดับแรก คือรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชน ในกรุงเทพฯ 10 สาย และการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง
ขณะเดียวกัน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.แถลงชี้แจงสถานการณ์เงินบาทในปัจจุบันที่ยังคงเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค แม้จะยอมรับว่าในระยะสั้น ค่าเงินบาทอาจจะเคลื่อนไหวแตกต่างจากค่าเงินภูมิภาคอื่น แต่ถือเป็นเรื่องปกติ
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ปี 2555 ที่ผ่านมาเงินทุนเคลื่อนย้ายอยู่ในระดับที่ยังรักษาสมดุลได้ โดย ธปท.ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงในตลาดการเงิน ซึ่งมีเงินไหลเข้ามาลงทุนโดยตรง 8,000 ล้านเหรียญ แต่มีเงินไหลออก 11,000 ล้านเหรียญ ขณะที่มีเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร 11,000 - 12,000 ล้านเหรียญ และคนไทยนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ ต่างประเทศ 8,000 ล้านเหรียญ ซึ่งโดยรวมยังถือว่าอยู่ในระดับปกติ
นายประสาร กล่าวยอมรับว่า สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกมีความผิดปกติ หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ และจนถึงขณะนี้ยังถือว่าฟื้นตัวช้า หากแต่มีสัญญาณที่ดีขึ้นแล้ว และแม้จะไม่สามารถกำหนดสภาพคล่องของโลกได้ แต่ ธปท.จำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันไว้เป็นอย่างดี