ตัวแทนโรฮิงญาเสนอรัฐบาลไทยประสาน 
เอกสารบัตรประจำตัวชาวโรฮิงยาเป็นสิ่งยืนยันที่รัฐบาลพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชนเพราะตามกฏหมายประเทศพม่าแล้ว หากชาวโรฮิงญาไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนพม่าจะไม่สามารถเดินทางออกจากเขตหมู่บ้านได้ โดยตัวแทนชาวโรฮิงญา เปิดเผยข้อมูลในวงเสวนา "โรฮิงญาหนีเสือปะจระเข้ อนาคต และ ทางออกสำหรับประเทศไทย" ที่เครือข่ายปฎิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ จัดขึ้นที่สำนักกลางนักเรียนคริสเตียน เขตราชเทวี ในวันนี้ ( 23 ม.ค.)
โดยในวงเสวนามีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลไทยแก้ไขปัญหาชาวโรฮิงญาให้รัฐบาลไทยประสานงานไปยังรัฐบาลพม่าและบังกลาเทศ หาทางแก้ปัญหาร่วมกัน เสนอให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR เข้ามาคัดกรองและคุ้มครองชาวโรฮิงญาเป็นผู้ลี้ภัย ปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ที่อาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง รวมถึงการปฎิบัติต่อชาวโรฮิงญาขณะอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างมีมนุษยธรรม
นายอาลี อะรอม ตัวแทนชาวโรฮิงญา ยอมรับว่า ขณะนี้ชาวโรฮิงญาในประเทศพม่าได้รับการปฎิบัติเหมือนกับไม่ใช่มนุษย์ จึงอยากให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือพูดคุยกับผู้นำพม่าในการปฎิบัติต่อชาวโรฮิงญา เช่นเดียวกับกฎหมายไทยที่ยังไม่ชัดเจนในการให้ชาวโรฮิงญาพักพิง สอดคล้องกับความเห็นขององค์กรเอกชน อย่างฮิวแมนไรท์วอทช์ ที่มองว่า ไทยยังไม่มีกฎหมายดูแลผู้อพยพที่ชัดเจนเช่นกัน
ขณะที่ พล.ต.ท.ภานุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวโรฮิงยาที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา พร้อมมอบนโยบายตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 14 จังหวัดภาคใต้ โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานดูแลการลักลอบเข้าเมืองของชาวโรฮิงยา ส่วนชาวโรฮิงญาที่อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ กระทรวงการต่างประเทศ กำลังหารือแนวทางการผลักดัน