ผลงานและอนาคตของ
หลังจากเดินทางมากว่า 1.5 ล้านกิโลเมตรเยือนประเทศทั้งหมด 112 ประเทศ ฮิลลารี่ คลินตัน อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งและสมาชิกวุฒิสภาก็จะก้าวลงจากตำแหน่งที่ถือเป็นหน้าตาของประเทศนั่นก็คือรัฐมนตรีต่างประเทศ
เกรแฮม อัลลิสัน จากจอห์นเอฟเคเนดี้สคูลออฟกอฟเวิร์นเมนต์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดบอกว่า ฮิลลารี่ทำหน้าที่นักการทูตด้วยการเดินทางไปพบคู่เจรจาด้วยตัวเองและทำงานอย่างหนักเหมือนกับที่เคยทำกันมาในอดีต
เกรแฮมบอกว่าอย่างแรกฮิลลารีเป็นนักการเมืองคนสำคัญ อย่างที่ 2 เธอเป็นเหมือนนักร้องเพลงร็อคที่เป็นตัวแทนประเทศและเธอก็ทำงานหนักซึ่งเห็นได้ชัดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
ฮิลลารีอยู่ในสายตาของสาธารณชนมา 34 ปี ตั้งแต่สามี บิล คลินตันอดีตประธานาธิบดีเป็นผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ และประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งต่างๆทำให้เธอไม่เหมือนกับรัฐมนตรีต่างประเทศคนที่ผ่านๆมา
เกรแฮมบอกว่าคนที่เคยเกือบจะได้เป็นประนาธิบดี เคยเป็นสตรีหมายเลขหนึ่ง เคยเกือบเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หรืออาจจะเป็นในอนาคต มีหลายอย่างที่ทำให้เธอไม่เหมือนรัฐมนตรีต่างประเทศตามปกติ แต่นักวิจารณ์มองว่าเหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองเบกาซีของลิเบียที่ทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯเสียชีวิตอาจส่งผลต่อผลงานของฮิลลารี่
เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาฮิลลารี่ได้ตอบโต้การตั้งกระทู้ของสมาชิกสภาคองเกรสอย่างเผ็ดร้อน อาจารย์ เกรแฮมมองว่าฮิลลารี่มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่น่าส่งผลมากต่อผลงานที่ทำมา เขาคิดว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ฮิลลารี่ต้องรับผิดชอบแต่มันดูจะเป็นความผิดพลาดที่เล็กน้อยถ้าดูจากสถานการณ์ทั่วโลกขณะนี้
จากการสำรวจพบว่าความนิยมในตัวฮิลลารี่สูงมากที่สุดในคณะรัฐมนตรีในรับบาลของโอบาม่าและสูงกว่า มิเชล โอบาม่าสตรีหมายเลขหนึ่ง นั่นทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเธออาจลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในอีก 4 ปีข้างหน้าโดบร้อยละ 57 ของสมาชิกพรรคเดโมแครตอยากให้เธอลงซึ่งมากกว่าโจ ไบเด้นรองประธานาธิบดีที่มีเสียงสนับสนุนเพียงร้อยละ 16
สำหรับคำแนะนำจากอาจารย์ เกรแฮมแล้วอยากให้ฮิลลารีพักผ่อนและค่อยๆพิจารณาทางเลือก อาจารย์ เกรแฮม บอกว่าอย่างแรกคือพักและค่อยคิดว่าจะทำอะไรในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาไม่คิดว่ามันเขียนเอาไว้หรือฮิลลารี่ได้ตัดสินใจแล้วฮิลลารีจะมีทางเลือกมากมายและเขาแน่ใจว่าทั้งสื่อและคนในวงการเมืองจะตั้งข้อสังเกตว่าฮิลลารี่จะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2559 หรือไม่
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือปัญหาสุขภาพเพราะฮิลลารี่เพิ่งเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการมีลิ่มเลือดในสมองแต่ถึงแม้จะลาตำแหน่งไปแล้วคนในอาเซียนจะยังคงจดจำผลงานและภาพลักษณ์ของเธอในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศเนื่องจากฮิลลารีเดินทางมาร่วมประชุมทุกครั้งตลอด 4 ปีในการดำรงตำแหน่ง