ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนว่า “ดอกดาวเรือง” ดอกไม้ที่ได้รับความนิยม และสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจร้อยพวงมาลัยขายเป็นอย่างมากในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งผู้สมัครรับเลือกตั้งก็มักจะได้รับดอกดาวเรืองจากชาวบ้านหรือหัวคะแนนของตน เพื่อเป็นกำลังใจ โดยในช่วงที่มีการออกหาเสียงตามสถานที่ต่างๆ จะเห็นดอกดาวเรืองที่ร้อยเป็นพวงมาลัยประดับอยู่บนคอผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแทบจะทุกคน เฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 5 พวง/วัน
สาเหตุที่ดอกดาวเรืองเป็นที่นิยมมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่นๆ นั้น สันนิษฐานกันว่า เนื่องมาจาก สีสันที่สดใสของดอกดาวเรือง ไม่เหี่ยวเฉาง่าย อีกทั้งชื่อของดอกไม้ก็มีความหมายไปในทางที่ดี เมื่อคล้องคอแล้วก็จะทำให้เจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จ
ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งปี 2554 หรือประมาณ 40 วัน นับตั้งแต่วันเปิดรับสมัคร ธุรกิจร้อยพวงมาลัยดอกดาวเรืองน่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ และสามารถสร้างรายได้ได้เพิ่มขึ้นในช่วงเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณการณ์ว่า ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2554 จะทำให้ธุรกิจมีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 53 ล้านบาท และคาดว่า จะมีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นกว่าการเลือกตั้งในปี 2550 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ปัจจัยที่ทำให้ยอดจำหน่ายพวงมาลัยดอกดาวเรืองในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าการเลือกตั้งในปี 2550 เป็นเพราะ “ราคาที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น” อันเนื่องมาจาก ต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาปุ๋ย ค่าขนส่ง หรือค่าแรงงาน ส่งผลให้ปีนี้ ราคาดอกดาวเรืองปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ผลผลิตดาวเรืองได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ปริมาณดาวเรืองที่มีคุณภาพมีจำนวนลดลง
นอกจากนี้ “การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น” ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเข้ามาช่วยหาเสียงเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค รวมทั้งผู้ใหญ่ของพรรคที่มีชื่อเสียง จึงทำให้คาดว่า ปีนี้ ความต้องการพวงมาลัยดอกดาวเรืองน่าจะมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการมอบพวงมาลัยให้กับบุคคลที่เป็นที่สนใจและชื่นชอบคาดว่าจะได้รับมากเป็นพิเศษ