วันนี้ (11 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน“พลังสตรีขับเคลื่อนประเทศไทย” และกล่าวมอบนโยบาย ว่า ประเทศไทยได้ร่วมลงนามรับรองปฏิณญาและแผนปฏิบัติการปักกิ่ง (Beijing Declaration and Platform for Action 2538 - 2548) ซึ่งนับเป็นพันธกรณีระหว่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเสมอ ระหว่างหญิงชาย การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี รวมถึงการส่งเสริมให้สตรีส่วนร่วมทางการเมืองและการบริหารทุกระดับ โดยกำหนดให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติตามและรายงานผลความก้าวหน้าให้สหประชาชาติ ทราบเป็นระยะซึ่งนับเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของนานาชาติต่อการสร้าง ความเสมอภาคหญิงชาย ซึ่งแม้ว่าจะมีสตรีทำงานอยู่ในการเมืองระดับชาติถึงร้อยละ 13.8 และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสตรีทั่วประเทศร้อยละ 8.7 ซึ่งยังถือว่าน้อย แต่ขณะนี้ก็ถือว่าสตรีมีบทบาททางการเมืองมากขึ้นทั้งผู้นำเยอรมนี ผู้นำบราซิล
"เหตุผลของสตรีที่เข้ามาทำงานการเมืองมีหลายประการทั้งความจำเป็น อยากมีความเท่าเทียมกันและอยากเห็นผู้หญิงทำงานร่วมกัน" นายกรัฐมนตรี ระบุ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังระบุว่า ต้องการให้ทุกภาคส่วนร่วมสร้างช่องทางชักชวนให้สตรีที่มีศักยภาพเข้ามามี ส่วนร่วมทางการเมืองและการบริหาร และขอให้ผู้นำสตรีทำงานร่วมกับกองทุนบทบาทสตรี ในการร่วทบูรณาการทำงาน หลังจากได้ตั้งคณะกรรมการในทุกจังหวัดและได้มอบงบประมาณเฉลี่ยจังหวัดละ 20 ล้านบาทไปแล้วซึ่งจะพิจารณามอบงบประมาณเพิ่มเติมต่อไป
ทั้งนี้ยังมีโครงการสอนภาษาให้กับสตรีเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอา เซียน และมีโครงการยกระดับสุขภาพสตรีและเพิ่มการเข้าถึงระบบสาธารณสุขและเตรียม พัฒนาระบบเครือข่ายเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส และหวังว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นส่วนหน้าในการทำงาน โดยมีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเจ้าภาพในการบริหารงาน และจะมีโครงการคัดเลือกผู้นำสตรีดีเด่น ในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ ซึ่งจะทำงานร่วมกันในเพื่อพัฒนาใน 3 ระดับ คือการช่วยเหลือสตรีที่ยังไม่มีสิทธิเสรีภาพ การยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งรายได้ การศึกษา และสุขภาพ และการพัฒนาสตรีมาเป็นต้นแบบในการเป็นผู้นำของประเทศ
นายกฯ ยังระบุว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าจะได้พบปะกับนางปาร์ก กึนเฮ ประธานธิบดีหญิงคนแรกของประเทศเกาหลีใต้