เพื่อไทยยันแจ้งกองปราบเอาผิด 
หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงบันได 4 ขั้น ที่ถูกระบุว่า เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยในการเตรียมการกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยออกมายืนยันว่าไม่เคยระบุชัดเจนถึงกรณีนี้ แต่ยังแบ่งรับแบ่งสู้ว่า หากมีการดำเนินการก็จะทำอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด
ขณะที่กระแสนิรโทษกรรมกำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ หรือ คตส. และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนเสื้อหลากสี ที่จับมือกันในนามของ เครือข่ายพลเมืองคัดค้านการนิรโทษกรรมคอร์รัปชั่นทักษิณ หรือ คนท.ออกมาเคลื่อนไหวให้ติดตามความคืบหน้าในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
แม้ทั้งนายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์ จะเปิดเผยว่า การเผยแพร่เอกสาร "ร่วมกล่าวโทษปู หยุดกฎหมู่ชินวัตร" เพื่อให้ประชาชนร่วมลงชื่อกล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ในเว็บไซต์เฟซบุ๊ค รวมถึงความเคลื่อนไหวเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แจ้งข้อมูลธุรกรรมหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นเป็นเท็จต่อตลาดหลักทัพย์ และการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมภิบาล วุฒิสภา ให้ติดตามการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. อัยการสูงสุด และสำนักงานตลาดหลักทรัพย์ หลังจากยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว
โดยทั้งนายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์ ต่างยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองใด แต่ด้วยความที่ถูกขนานนามว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำให้ทั้ง 2 คนถูกจับตามองว่าการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปโดยมีนัยทางการเมือง
สำหรับความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะถูกตอบโต้จากพรรคเพื่อไทย ที่ห่วงใยเรื่องคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้จะมีการคาดการณ์กันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะได้คะแนนสงสารจากกรณีนี้ โดยความคืบหน้าล่าสุดของพรรคเพื่อไทยคือ วันนี้ (8 มิ.ย. ) ตัวแทนของพรรคเพื่อไทยจะยื่นขอให้มีการดำเนินคดีกับ นายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์ ต่อกองปราบปราม และยื่นเรื่องให้ กกต.พิจารณาว่าเข้าข่ายความผิด พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายสถานะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถืออยู่ในขณะนี้ ทั้งการเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย การเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และการเป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเปรียบเสมือนการเป็นตัวแทนของพี่ชายในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ
แม้จะประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจ แต่สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะถูกตรวจสอบในปัจจุบันคือ ความสุจริต ซึ่งหากความเคลื่อนไหวของเครือข่าย คนท.เป็นไปตามที่มีการเรียกร้อง หมายถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจถูกตรวจสอบใน 2 กรณี คือ การให้การเท็จต่อ คตส. ในฐานะเจ้าพนักงาน และการเบิกความเท็จต่อศาลฎีกา
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญ กล่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการเรียกร้องของ คนท.ที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้
ด้านนายวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงขั้นตอน หากจะมีการพิจารณาดำเนินการตามข้อเรียกร้องของ คนท. โดยระบุว่า สาเหตุที่อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทันที หลังมีคำพิพากษา ในความผิดที่ถูกอ้างว่าเบิกความเท็จ เนื่องจากเป็นข้อสงสัยของ คตส. ซึ่ง คตส.ควรเป็นผู้ดำเนินการ แม้จะสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนครั้งนี้ทั้งนายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์ ต่างไม่ได้อยู่ในฐานะผู้เสียหาย การยื่นเรื่องมาที่อัยการสูงสุด หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงเหมือนเป็นการเริ่มเรื่องใหม่ทั้งหมด ซึ่งต้องดูในรายละเอียดอีกครั้งว่าจะสามารถดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากมีการรับเรื่องนี้ไว้จะต้องทำสำนวนส่งมาให้อัยการพิจารณา เพื่อดำเนินการยื่นฟ้อง ซึ่งหากเป็นไปตามขั้นตอนนี้ อัยการสูงสุดพร้อมจะทำหน้าที่