กสทช.เตรียมร่างประกาศลิขสิทธิ์การแข่งขันกีฬารายการสำคัญ
การถือครองลิขสิทธิ์กีฬาในอดีตจะเป็นลักษณะแข่งกันประมูลด้วยราคาลิขสิทธิ์มหาศาลที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์ด้วยมูลค่าสูงสุดติดอันดับแรกๆของโลกและเป็นการซื้อลิขสิทธิ์แบบผูกขาด
ร่างประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การแพร่เสียงแพร่ภาพรายการแข่งขันกีฬาที่สำคัญ เกิดจากปัญหาจอดำของฟุตบอลยูโร 2012 ทำให้ กสทช.ได้มีการกำหนดร่างประกาศเรื่องลิขสิทธิ์กีฬาขึ้นมาโดยมีหัวข้อสำคัญในการกำหนดแบ่งตามประเภทดังนี้
ร่าง Must carry คือ ลิขสิทธิ์ที่ทำให้ผู้ชมสามารถชมผ่าน ทีวีดาวเทียม และ ฟรีทีวีได้, ร่างประกาศ Must have ลิขสิทธิ์กีฬาที่ผู้ชมต้องได้ดูผ่านฟรีทีวีเท่านั้น อย่าง โอลิมปิก กีฬาคนพิการ ฯลฯ
แต่ในขณะนี้ กสทช.กำลังขอความเห็นเพื่อพิจารณาร่างประกาศลิขสิทธิ์กีฬาบางชนิดที่คนไทยต้องการดู ซึ่งผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์ควรแบ่งให้ฟรีทีวี และ เคเบิลทีวีออกอากาศได้ด้วย หรือเรียกว่าร่าง Non exclusive ซึ่งการแบ่งจะต้องเป็นการซื้อขายลิขสิทธิ์ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ไม่ผูกขาดไว้เพียงเจ้าเดียว และผู้ซื้อลิขสิทธิ์จะทำกิจการเคเบิลทีวีไม่สามารถซื้อลิขสิทธิ์ของฟรีทีวี เพราะจะเป็นการกีดกัน ทำให้ผู้ชมเสียประโยชน์ไม่สามารถรับชมได้ ข้อดีขอร่าง Non exclusive จะทำให้ไม่เกิดปัญหาจอดำ
การแข่งขันกีฬาที่ กสทช.ได้มีการกำหนดคร่าวๆ ที่จะต้องมีการแบ่งลิขสิทธิ์ให้ฟรีทีวี และเคเบิลทีวี เป็นการกำหนดเพียงขั้นต้น สามารถเพิ่มเติม หรือลดรายการจากที่กำหนดไว้ได้ คือ กีฬามหาวิทยาลัยโลก, ฟุตบอลคอนเฟดเดอเรชั่นคัพ, ฟุตบอลเอเชี่ยนคัพรอบสุดท้ายและรอบที่มีทีมชาติไทยลงแข่ง, ฟุตซอลชิงแชมป์โลก, ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย, เซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก, วอลเล่ย์บอล เวิร์ลสกรังปรี และเทนนิสเดวิสคัพ
การกำหนดของ กสทช. เพราะต้องการให้กีฬาบางรายการที่ประชาชนให้ความสนใจ และมีผลต่อตลาดน้อยที่สุด เนื่องจาก กสทช. ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกลไกเรื่องการตลาดการแข่งขัน ดังนั้นในกรณีลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, ฟุตบอลโลก หรือรายการที่มีการแข่งขันกันสูง กสทช. จะไม่มีการนำร่างประกาศของ กสทช. เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ด้านตัวแทนของฟรีทีวี และเคเบิลทีวี เปิดเผยว่า ก่อนที่จะไปซื้อลิขสิทธิ์กีฬาใด ควรที่จะมีการพูดคุย สำหรับผู้ที่สนใจลิขสิทธิ์กีฬารายการเดียวกัน และรวมเงินกันไปซื้อ เพื่อป้องกันการซื้อลิขสิทธิ์ด้วยมูลค่ามหาศาลเหมือนที่เป็นมา ซึ่งผลเสียจะอยู่กับคนไทย