รมว.กลาโหมระบุนับพบกัมพูชา เพื่อให้ศาลโลกเห็นว่าสามารถพุดคุยกันแบบสันติได้
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม การนัดหมายพบปะหารือและร่วมรับประทานอาหาร กับคณะของ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เพื่อต้องการให้ศาลโลก เห็นว่า ไทยกับกัมพูชาสามารถปรึกษาหารือถึงปัญหาต่างๆ ได้โดยสันติวิธี โดยการหารือครั้งนี้ เหมือนเป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี นอกรอบ ซึ่งสองฝ่ายต้องหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของราษฎรที่มีปัญหาบริเวณหลักเขตที่ 43
โดยไทยยืนยันว่า กรณีข้อพิพาทเขาพระวิหารเราเห็นชอบในการแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธี ซึ่งหากสามารถพูดคุยกันได้ โอกาสที่จะพัฒนาพื้นที่เปิดรับการท่องเที่ยวและพัฒนาเศรษฐกิจก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่ พล.อ.เตีย บันห์ กล่าวสนับสนุนแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมระบุว่า เห็นด้วยที่ในอนาคตน่าจะมีโอกาสในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจร่วมกัน
ด้าน นายธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ประธานหลักสูตรรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า การที่ไทยดำเนินการในเรื่องนี้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่รอบคอบ เพราะอาจทำให้รัฐบาลถูกกดดันกรณีการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหาร ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนที่ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า อาจมีการเอื้อผลประโยชน์ส่วนตัว และไม่ใช่เพียงประเด็นการเสียเปรียบเชิงคดีความเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน ในแนวทางต่างๆ ของไทย เพราะกรณีปัญหาไทย-กัมพูชา ไม่สามารถจัดการได้ด้วยการนัดรับประทานอาหาร
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การพูดคุย เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณารูปแบบ สถานที่ และ เนื้อหาของสาระการพูดคุย โดยจะต้องมีความเป็นเอกภาพแสดงจุดยืนของฝ่ายไทยที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ประเทศไว้อย่างชัดเจน จึงอยากขอให้รัฐบาลระมัดระวัง การดำเนินการที่ฝ่ายกัมพูชาอาจหยิบยกเป็นการดำเนินการในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อรูปคดีในศาลโลกได้