กขช.พิจารณาหลักเกณฑ์จำนำข้าวรอบ 2 วันนี้ (11 มี.ค.)

กขช. เตรียมประชุมพิจารณาหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าว ในโครงการรับจำนำข้าวรอบ 2 โดยอาจมีการเพิ่มหลักเกณฑ์ ห้ามนำข้าวที่มีอายุต่ำกว่า 100 วันเข้าร่วมโครงการ ขณะที่ฝ่ายค้าน มองว่า การที่รัฐบาลอาจขายข้าวในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน อาจกระทบต่อเงื่อนไขขององค์การการค้าโลก และส่งผลต่อสินค้าเกษตรอื่นๆ

การประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในวันนี้(11 ม.ค.) น.ส.วิบูลลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ที่ประชุมจะมีการพิจารณาหลักเกณฑ์โครงการรับจำนำข้าวรอบ 2 โดยจะเพิ่มหลักเกณฑ์ ห้ามข้าวที่มีอายุต่ำกว่า 100 วัน เข้าร่วมโครงการ และเพิ่มมาตรการตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวให้เข้มข้นขึ้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเข้มงวดตรวจสอบการลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ พร้อมทั้งพัฒนาระบบไอทีมาเชื่อมโยงข้อมูลเกษตรกรผ่านระบบออนไลน์ สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกรอบ 2 คาดว่า จะมีเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาจำนำประมาณ 7 ล้านตันข้าวเปลือก และใช้วงเงินดำเนินโครงการ 105,000 ล้านบาท โดยราคารับจำนำยังกำหนดไว้ที่ตันละ 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 100% ตันละ 20,000 บาท

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า โครงการจำนำข้าว รอบใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณ รวมถึงความไม่โปร่งใสที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายในการเร่งรีบขาย และยังมีปัญหาที่จะกระทบต่อราคาในตลาด จนทำให้การจำนำข้าวในช่วงต่อไปมีช่องว่างราคาเพิ่มขึ้นอีก สิ่งสำคัญคือรัฐบาลต้องกลับไปทบทวนว่านโยบายนี้จะเดินต่อไปทำไม ทั้งที่รัฐบาลนี้มีวิธีการอื่นที่จะช่วยเกษตรกรได้มากกว่า พร้อมระบุ หากสุดท้ายแล้วองค์การการค้าโลก หรือ WTO ตัดสินว่า การขายข้าวขาดทุนของรัฐบาลส่งผลให้ประเทศอื่นได้รับความเสียหาย ก็มีสิทธิ์ตอบโต้ไทย และอาจส่งผลต่อสินค้าเกษตร หรือสินค้าชนิดอื่นที่ส่งออก ก็มีโอกาสได้รับผลกระทบ และยังเกิดความไม่เชื่อมั่นด้วย รัฐบาลจึงต้องเร่งสะสางปัญหาเหล่านี้

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า โครงการรับจำนำข้าวรอบ 2 อาจมีการปรับหลักเกณฑ์ในเรื่องของราคารับจำนำ จนทำให้เกิดกระแสเรียกร้องจากเกษตรกรจำนวนมาก ซึ่งภายหลังได้มีคำยืนยันจากกระทรวงพาณิชย์ว่า จะไม่มีการปรับลดราคาจำนำจากตันละ 15,000 บาท เหลือ 13,000 บาท ตามที่มีรายงาน แต่อาจมีการปรับหลักเกณฑ์การรับจำนำในส่วนอื่น