ปรับโครงสร้างทีวีดิจิตอล อาจทำให้ต้องเลื่อนการประมูล
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง ระบุว่า การปรับโครงสร้างสัดส่วนใหม่ใน 4 กลุ่มรายการ เป็นไปตามผลจากการทำประชาพิจารณ์ และการทดลองออกอากาศระบบดิจิตอล ของสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องตั้งแต่ต้นปี ที่เห็นว่า รูปแบบใหม่ที่มีช่องความคมชัดสูง หรือ ไอเดฟฟิเนชั่น เพิ่มมากขึ้นจะเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับประเทศไทย โครงสร้างใหม่ ได้แก่
กลุ่มช่องเด็ก เยาวชนและครอบครัว ภาพคมชัดปกติ SD มีจำนวน 3 ช่อง ลดลงจากเดิมที่มี 5 ช่อง
กลุ่มที่ 2 รายการข่าวสาร และสาระ ภาพคมชัดปกติ SD มี 7ช่องเพิ่มจากเดิมที่มี 5 ช่อง
กลุ่มที่ 3 รายการทั่วไป ภาพคมชัดปกติ SD มี 7 ช่อง ลดลงจากเดิมที่มี 10 ช่อง
กลุ่มรายการทั่วไป ภาพคมชัดสูง หรือ ไฮเดฟฟิเนชั่นHD มี 7 ช่อง เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี 4 ช่อง ซึ่งการปรับครั้งนี้ มั่นใจว่า จะไม่กระทบการประมูลในเดือนสิงหาคม
ด้าน รศ.ไพฑูรย์ ไกรพรศักดิ์ หัวหน้าคณะผู้ศึกษาราคาตั้งต้นการประมูลทีวีดิจิตอล จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ไม่เคยรับทราบมาก่อนว่า กสทช.จะปรับโครงสร้างสัดส่วนเป็นรูปแบบใหม่ เพราะตามแผนเมื่อวานนี้ ทางจุฬาฯ ต้องเปิดเผยผลศึกษาราคาประมูลตามโครงสร้างเดิม แต่เมื่อปรับใหม่ ก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างน้อย 1 เดือน รวมทั้งราคาตั้งต้น ก็ต้องเปลี่ยนไป
ขณะที่ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ หนึ่งในกรรมการกิจการกระจายเสียงฯ ระบุว่า ที่ประชุมมีมติ 3 ต่อ 2 ให้ปรับโครงสร้างใหม่ แต่นายธวัชชัย และนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการอีกคน ได้สงวนความเห็น เพราะไม่เคยรับทราบมาก่อนว่าจะปรับโครงสร้างใหม่ พร้อมคาดว่า การประมูลอาจเลื่อนไปถึงต้นปีหน้าเป็นอย่างช้า เพราะต้องทำผลศึกษาใหม่เกือบทั้งหมด ขณะที่ผู้ประกอบการหลายคนมองว่า ขณะนี้ กสทช.ไม่มีความชัดเจนเรื่องแผนและราคา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการกังวลมากที่สุด ทั้ง ราคาตั้งต้น และราคาเช่าโครงข่าย พร้อมหากมีราคาสูง จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการประกอบกิจการ