รัฐบาลไซปรัสเริ่มแก้ปัญหาวิกฤตภาคธนาคาร
เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.2556) นายนิคอส อนาตาเซียเดส ประธานาธิบดีของไซปรัสได้ชี้แจงกับประชาชนถึงแนวทางการแก้ไขวิกฤตหนี้สินของชาติ ว่าการเจรจาข้อตกลงกับประเทศผู้ให้กู้ ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ง่าย และจะทำให้ประชาชนลำบากใจ แต่เป็นหนทางที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ไซปรัสล้มละลาย และเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งไซปรัสจะกลับมาอยู่ได้
ซึ่งวันนี้ (26 มี.ค.2556) รัฐบาลไซปรัสจะเริ่มกระบวนการแก้ปัญหาวิกฤตภาคธนาคาร โดยตอนแรกธนาคารกลางมีคำสั่งให้ธนาคารทุกแห่งเปิดทำการ ยกเว้นธนาคารแห่งไซปรัสและธนาคารไลกิหรือป็อปปูล่า แบงค์ ซึ่งเป็นธนาคารสองแห่งที่ใหญ่ที่สุดของไซปรัส แต่ต่อมาธนาคารกลางได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และสลับให้สองธนาคารใหญ่เปิดวันนี้ ส่วนธนาคารที่เหลือให้ปิดทำการไปจนถึงวันพฤหัสบดีนี้ (28 มี.ค.2556) โดยให้เหตุผลว่า"เพื่อให้ระบบการทำงานของธนาคารเป็นไปอย่างราบรื่น"
ด้านธนาคารไลกิหรือ ป็อปปูล่า แบงค์จะถูกปิด โดยบัญชีเงินฝากของลูกค้าที่มีน้อยกว่า100,000 ยูโรหรือประมาณ 4 ล้านบาทจะถูกโอนไปอยู่กับธนาคารแห่งไซปรัส ส่วนบัญชีที่มีเงินมากกว่า 4 ล้านบาทจะถูกหักภาษีเงินฝาก ซึ่งไม่มีการประกาศว่าจะเสียภาษีอัตราเท่าไหร่ มีรายงานว่าสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 โดยลูกค้าที่ถูกหักภาษีจะได้รับการชดเชย โดยจะได้หุ้นของธนาคารมาแทน ซึ่งบัญชีเงินฝากที่มีเงินมากกว่า 4 ล้านบาทขึ้นไปส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวรัสเซีย ซึ่งในช่วงนี้ลูกค้าของธนาคารทั้งสองแห่งที่มีเงินฝากเกิน 4 ล้านบาทขึ้นไปจะไม่สามารถทำอะไรกับเงินในบัญชีได้ ต้องรอจนกว่ากระบวนการหักภาษีจะแล้วเสร็จ
มาตรการหักภาษีเงินฝากของไซปรัสสร้างความหนักใจให้กับรัฐบาลของรัสเซีย เพราะมีชาวรัสเซียที่นำเงินไปฝากไว้ในไซปรัสจำนวนมหาศาล นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย เปิดเผยว่าการกระทำของไซปรัสคือการปล้น ในขณะที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดี มีคำสั่งให้รัฐบาลไปเจรจากับไซปรัสเรื่องการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเงินกู้ที่รัสเซียให้ไซปรัสไปเมื่อ 2 ปีก่อน