มาเลเซียอ้างต้องฟังความคิดเห็นคนในประเทศก่อนช่วยโรฮิงญา-เรือประมงอินโดฯ เข้าช่วยเรืออพยพอับปางรอด 721 คน
เมื่อเวลา 05.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ (15 พ.ค. 2558) เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงเมืองลังซา จ.อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซียเผยว่า เรือประมงอินโดนีเซียเข้าช่วยเหลือเรือของผู้อพยพชาวโรฮิงญาจากเมียนมาและบังกลาเทศที่ กำลังอับปางบริเวณนอกชายฝั่งอาเจะห์ได้ 1 ลำ โดยบนเรือมีผู้อพยพชาวโรฮิงญา 712 คน ก่อนเคลื่อนย้ายผู้อพยพชาวโรฮิงญาทั้งหมดด้วยเรือประมง 6 ลำ ไปยังท่าเรือในเมืองลังซา
โดยเบื้องต้นผู้อพยพชาวโรฮิงญาระบุว่า ถูกทหารของกองทัพเรือมาเลเซียผลักดันให้พ้นน่านน้ำ เมื่อมาถึงเขตรอยต่อน่านน้ำของอินโดนีเซียเรือเกิดอับปาง และมีเรือประมงอินโดนีเซียเข้าช่วยเหลือทันเวลา
เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองลังซากล่าวต่อว่า ส่วนเรือผู้อพยพชาวโรฮิงญา 2 ลำ ที่ถูกทหารเรือของมาเลเซียผลักดันพ้นน่านน้ำนอกชายฝั่งเกาะลังกาวีและเกาะปีนังวานนี้ (14 พ.ค. 2558) โดยมีเรือ 1 ลำ ล่วงเข้าน่านน้ำประเทศไทยและถูกผลักดันคาดว่าจะมุ่งหน้าเข้าสู่เขตน่านน้ำอินโดนีเซีย
ด้าน นายตันศรี ไซเอด ฮามิด อัลบาร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียกล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียไม่ควรนิ่งเฉยต่อปัญหานี้อีกต่อไป เนื่องจากผู้อพยพชาวโรฮิงญาอาจจมน้ำตายกลางทะเลได้ทุกขณะ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลสนองตอบต่อข้อเรียกร้องของ นายบัน คี-มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ และประชาคมโลก ด้วยการยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮิงญา เช่นเดียวกับ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียได้ออกมาเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีมหาดไทยของมาเลเซีย อนุญาตให้ผู้อพยพชาวโรฮิงญาขึ้นฝั่งในมาเลเซีย ทว่า ไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้นำมาเลเซีย
ขณะที่ นายดาตุ๊ก วัน จูไนดี ตวนกู จาอาฟาร์ รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซียกล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียไม่ได้ตกอยู่ในแรงกดดันเกี่ยวกับนโยบายการผลักดันเรือผู้อพยพชาวโรฮิงญาให้พ้นน่านน้ำของตน แม้ว่าทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายนี้อย่างมากก็ตาม ทั้งนี้ มาเลเซียดำเนินการในเรื่องนี้ตามความเหมาะสมและคำนึงถึงความเห็นของประชาชน ที่ไม่ต้องการเห็นผู้อพยพขึ้นฝั่งในมาเลเซียอีก