นักดนตรี อีกบทบาทของ
นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ กลายเป็นที่รู้จักของคนไทยเกือบทั้งประเทศ จากบทบาทการเป็นหัวหน้าคณะทำงานคดีปราสาทพระวิหาร
ระยะเวลาความรับผิดชอบในคดีปราสาทพระวิหาร ที่ยาวนานมาถึง 2 รัฐบาล แต่เอกอัครราชทูตท่านนี้ ยืนยันว่า ได้รับการสนับสนุนให้ทำหน้าที่ด้วยดี ซึ่งท่านบอกว่า " ที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนเต็มที่ จากทั้ง 2 รัฐบาล ซึ่งน้อยครั้งที่จะเห็นว่า ข้าราชการคนหนึ่ง ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทำให้ทำงานได้อย่างสบายใจ"
คดีปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่ครั้งแรกของการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ เพราะเมื่อ 20 ปี นายวีรชัย ได้ใช้ความรู้ด้านกฎหมาย ที่เรียนมาจากประเทศฝรั่งเศส ในคดีพิพาทไทย-ลาว บ้านร่มเกล้า จนไทยชนะคดี ระหว่างที่ทำงานกับกระทรวงการต่างประเทศ
การทำงานสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจ และคร่ำเคร่งกับงานด้านเขตแดน ของกระทรวงการต่างประเทศ แต่สำหรับตัวตนที่แท้จริง เอกอัครราชทูตได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสารดิฉันว่า " ไม่เคยคิดอยากจะเป็นทั้งนักการทูต เหมือนคุณพ่อ หรือเป็นหมอแบบคุณแม่ เพราะสิ่งที่อยากจะเป็นคือ นักดนตรี และทำร้านกาแฟแบบฝรั่งเศสแท้ๆในปารีส แต่คุณแม่ขอไว้จึงเรียนด้านกฎหมาย จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านกฎหมาย จากประเทศฝรั่งเศส "
แม้จะทำงานในสิ่งที่ได้เรียนมา แต่ทูตวีรชัยทิ้งความฝันของการเป็นนักดนตรี เพราะมีงานอดิเรก คือการเล่นดนตรี ซึ่งสามารถเล่นได้ทั้งเพลงไทยและเพลงสากล โดยเฉพาะเพลงรำวงลาว ที่ท่านประทับใจมากเป็นพิเศษ
ตั้งแต่วันที่ทำหน้าที่ หัวหน้าคณะทำงานในคดีปราสาทพระวิหาร ไปจนถึงวันของการตัดสินคดีของศาลโลกเชื่อว่า ไม่ว่าจะมีคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ทำหน้าที่ในฐานะคนไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งพิสูจน์ได้จากเสียงชื่นชมยินดีของคนไทย หลังทำหน้าที่ต่อสู้คดีอย่างสุดความสามารถในการรักษาอธิปไตยของไทย