เปิดผลวิจัยการทำงานภาครัฐแก้ปัญหาภาคใต้ 9 ปี คดีความมั่นคงพุ่ง 7,918 คดี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังทหารในจังหวัดยะลา พร้อมประณามเหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต 6 คน ในจังหวัดปัตตานี ว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ขณะที่ครอบครัวของเด็กชายวัย 2 ขวบ เตรียมย้ายกลับภูมิลำเนาหลังเสร็จพิธีทางศาสนา
ประชาชนและข้าราชการจังหวัดปัตตานี ร่วมรดน้ำศพนายสมาน เอี้ยงมา และเด็กชายจักรรินทร์ เอี้ยงมา อายุ 2 ขวบ หลังถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเสียชีวิตพร้อมเพื่อนบ้านอีก 4 คน ที่หน้าร้านขายของชำ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา
นางวัชรินทร์ผู้สูญเสียสามีและลูก บอกว่า หลังเสร็จพิธีศพ จะย้ายครอบครัวกลับภูมิลำเนาที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย และอยากให้เหตุรุนแรงนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
ด้าน พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประณามการกระทำของผู้ก่อความไม่สงบ ระหว่างเดินทางเยี่ยมกองกำลังทหารพรานที่จังหวัดยะลา โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่โหดร้าย ไม่มีมนุษยธรรม
ขณะที่นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดเสนอให้นำมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาปรับใช้ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้กระบวนการพูดคุยสันติภาพมีความคืบหน้ามากขึ้น
ผลสรุปงานวิจัยประสิทธิภาพของรัฐในการดำเนินคดีความมั่นคงกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนใต้พบว่า ตั้งแต่ปี 2547 ถึงเดือนกรกฎาคม 2555 มีคดีความมั่นคงจำนวน 7,918 คดี ส่งถึงอัยการ 4,686 คดี ในจำนวนนี้สามารถสั่งฟ้องได้เพียง 900 กว่าคดี และสำนักงานอัยสูงสุดเห็นว่า มีคดีความมั่นคงอยู่ในความรับผิดชอบจำนวนมาก จึงเตรียมจัดตั้งหน่วยงานอัยการขึ้นมารับผิดชอบโดยเฉพาะ
ส่วนกรณีใบปลิวของผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งขู่จะเพิ่มความรุนแรง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หน่วยงานความมั่นคงต้องเข้มงวดเฝ้าระวังเหตุมากขึ้นพร้อมแสดงความกังวลต่อแนวทางการพูดคุยสันติภาพที่ยังขาดความชัดเจนและตกเป็นฝ่ายตั้งรับ จึงเสนอให้มีการหารือเป็นการภายใน เพื่อสื่อสารกับกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ลดการใช้ความรุนแรง ซึ่งหากได้รับการปฏิเสธ ก็อาจต้องเลื่อนการพูดคุยรอบ 3 ในวันที่ 13 มิถุนายนออกไป