ปอท.เร่งค้นหาผู้ลักลอบเข้าระบบเว็บไซต์สำนักนายกฯ
นายณรงค์ฤทธิ์ สุขสาร หรือฉายา "ตาเล็ก วินโดว์ 98 เอสอี" อายุ 29 ปี เข้าพบ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้เข้าไปในระบบเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยนายณรงค์ฤทธิ์ตั้งข้อสังเกตว่า อาจถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งตัวเองเคยมีปัญหาขัดแย้งกับกลุ่มอันลิมิเต็ด แฮก ทีม ซึ่งเป็นทีมที่ลักลอบเข้าไปในระบบเว็บไซต์ชื่อดัง โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มดังกล่าวได้มีการท้าทายให้นายณรงค์ฤทธิ์ให้ลักลอบเข้าไปในระบบของเว็บไซต์ของกลุ่ม ซึ่งนายณรงค์ฤทธิ์ลองทำดูก็ปรากฏว่าทำได้ จึงเชื่อว่าสาเหตุนี้เป็นเหตุทำให้เกิดความเข้าใจผิด
นายณรงค์ฤทธิ์ยืนยันว่า จะช่วยตำรวจในการติดตัวผู้ลักลอบเข้าไปในระบบตัวจริงให้ได้ เนื่องจากมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ และยอมรับว่าเคยเป็นผู้สอนการลักลอบเข้าไปในระบบของคอมพิวเตอร์ โดยจะต้องขอเวลาในการตรวจสอบว่า การลักลอบครั้งนี้ใช้วิธีใด เพราะโดยปกติผู้ที่กระทำการดังกล่าวมักจะมีการปลอมตัว แต่จะมีพฤติกรรมบางอย่างที่สามารถทำให้ติดตามได้ ซึ่งตัวเองจะพยายามหาเส้นทางของผู้ก่อเหตุให้ได้
ด้าน พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายณรงค์ฤทธิ์ แต่วันนี้ได้มีการเชิญตัวเข้าพบเพื่อต้องการให้ช่วยเหลือตำรวจสอบสวนหาผู้กระทำความผิดตัวจริง และยอมรับว่าการสืบหาหลักฐานทำได้ยาก เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มักพรางตัว หากเชื่อตามพยานหลักฐานที่เห็นอาจทำให้หลงทางได้
ขณะนี้ตำรวจยังตรวจสอบกลุ่มผู้ลักลอบเข้าระบบที่ต้องสงสัยอยู่ประมาณ 20 คน และวันนี้จะทำการตรวจสอบผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการลักลอบเข้าระบบทั่วประเทศด้วย สำหรับโทษในคดีนี้ถือว่าผิดตาม พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ฐานบุกรุกเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และหากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ ก็จะมีความผิดทางอาญาด้วย ส่วนเรื่องที่กระแสข่าวว่ามีการว่าจ้างนั้น ยังไม่ได้มีการสืบสวนสอบสวน เพราะต้องรอให้ได้ผู้กระทำผิดตัวจริงก่อนจึงจะขยายผลในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้มีการย้ำเรื่องการจัดการเว็บไซต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันที่กระทรวงกลาโหมเป็นผู้ดูแล และหากพบก็จะส่งเรื่องให้การกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ดำเนินการต่อไป