ผู้ค้าภาคกลางเตรียมปรับขึ้นราคาไข่ไก่
วันนี้ (27 พ.ค.2556) มีรายงานว่า ผู้ค้าไข่ไก่ภาคกลาง เตรียมปรับขึ้นราคาไข่ไก่ โดยอ้างว่า การปรับราคาเป็นผลมาจากไข่ขาดตลาด และต้นทุนเพิ่ม โดยไข่ไก่หน้าฟาร์ม เบอร์ศูนย์ จากเดิมฟองละ 4.20 บาท จะปรับขึ้นเป็น ฟองละ 4.50 บาท , ไข่ไก่เบอร์ 1 ปรับเป็นฟองละ 4. 20 บาท, ไข่ไก่เบอร์ 2 เป็นฟองละ 4 .10 บาท และเบอร์ 3 เป็นฟองละ 3.90 บาท
ด้านผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลางหลายราย เรียกร้องให้รัฐบาลดูแลราคาต้นทุน ทั้งอาหารสัตว์ และพ่อแม่พันธุ์ โดยเฉพาะไก่สาวที่ขณะนี้ตัวละ 170 บาท หรือปรับขึ้นมา 50 บาท เมื่อเทียบกับต้นปี ส่วนลูกไก่ราคาตัวละ 25 บาท จากต้นปีที่ราคาเพียง 12 บาท ซึ่งหากราคาต้นทุนไม่ปรับเพิ่มเกษตรกรจะสามารถตรึงราคาไข่คละหน้าฟาร์มที่ฟองละ 3.30 บาท จนถึงสิ้นเดือนพ.ค.2556ได้ตามที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือ
ก่อนหน้านี้ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ราคาไข่แพงเป็นปัญหาสำคัญของรัฐบาล โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์กำหนดราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มให้ไม่เกิน 3.30 บาท ส่งผลให้ราคาไข่ปรับตัวทั้งระบบ
ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ราคาไข่ไก่ที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากสภาพอากาศร้อนทำให้จำนวนไข่ไก่ออกสู่ตลาดลดลง ขัดแย้งกับมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2556 ที่อนุมัติงบประมาณ 131 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด โดยซื้อไข่ไก่ออกจากระบบ 195 ล้านฟอง กำหนดระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งขัดแย้งกับสถานการณ์ปัจจุบัน และอาจทำให้ไข่ไก่ไม่เพียงพอ ซึ่งเกิดจากการซื้อไข่ไก่ออกจากระบบของรัฐบาลเอง
ด้านนายณัฐวุฒิ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยให้ผู้ค้าปลีกรายใหญ่และห้างสรรพสินค้าตรึงราคาไข่ไก่ถึงสิ้นเดือนพ.ค. 2556 รวมถึงให้กรมการค้าภายในลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ เก็บผลผลิตไข่ไก่ของผู้ค้ารายสำคัญ ประเมินผลผลิตไข่ไก่ในสต็อกว่ามีอยู่มากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกันได้ประสานผู้ผลิตไข่ไก่รายใหญ่ของประเทศเพื่อขอความร่วมมือในมาตรการต่างๆ
ส่วนสาเหตุที่ให้ตรึงราคาถึงสิ้นเดือนพ.ค. เพราะกรมปศุสัตว์ รายงานว่า เดือนมิ.ย.-ก.ค.2556 เมื่ออากาศสู่สภาวะปกติจะทำให้ไข่ไก่ออกมาเพิ่มมากกว่าเดิม และผลผลิตจะเกินความต้องการของตลาด ทำให้ราคาลดลง จึงขอให้กรมปศุสัตว์และกรมการค้าภายในนำข้อสังเกต ไปกำหนดมาตรการรองรับล่วงหน้ากรณีไข่ไก่ล้นตลาด ยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์ดูแลทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตไม่ให้ได้รับผลกระทบเรื่องราคา