ดีเอสไอนัดถกคดีรถหรู วันนี้ (6 มิ.ย.)
พันตรีสุขชาต สะสมทรัพย์ ยืนยันว่า รถที่ใช้อยู่เป็นรถที่ซื้อต่อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีการชำระภาษี มีป้ายทะเบียน และเป็นรถที่ผ่านการใช้มาแล้ว 3 คน โดยซื้อต่อมาตั้งแต่ปี 2549 จากนั้นได้ขอเปลี่ยนป้ายทะเบียนจากของเดิม ทะเบียน ฌล-6217 เป็นทะเบียนเก่าที่ได้ประมูลมา ส่วนเลขเดิมได้ส่งคืนแล้ว นอกจากนี้เป็นรถคนละรุ่นกัน แม้จะเป็นยี่ห้อลัมโบร์กินีเหมือนกัน
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่ามีรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้ 1 ใน 6 คันนี้เป็นรถยนต์ที่อยู่ในบัญชีของดีเอสไอที่จะต้องตรวจสอบเอกสาร เนื่องจากเชื่อว่า มีการสำแดงเอกสารเป็นเท็จ ซึ่งดีเอสไอเตรียมตรวจสอบข้อมูลของรถยนต์หรูทั้งหมด โดยแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ รถยนต์หรู 5,832 คันที่มีการจดทะเบียนแล้ว จะเรียกเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ มาแสดงเอกสารและนำรถยนต์เข้าตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ว่า มีการประกอบชิ้นส่วนของรถยนต์ ตามที่เอกสารนำเข้าสำแดงไว้หรือไม่
ส่วนรถยนต์หรูอีก 1,700 คัน ที่อยู่ระหว่างการรอจดทะเบียน ดีเอสไอ จะเข้าตรวจสอบ ซึ่งเชื่อว่า รถยนต์หรูร้อยละ 85 มีการนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เพราะประเทศไทยไม่มีโรงงานที่มีศักยภาพที่จะประกอบรถยนต์หรู หรือรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ได้
ขณะที่ในช่วงเช้านี้ดีเอสไอจะประชุมร่วมกับ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และ กรมการขนส่งทางบก เพื่อหารือถึงแนวทาง และมาตรการจดประกอบรถนำเข้าจากต่างประเทศ