แพทย์ชนบท ยืนยันจะชุมนุมจัดตั้ง รพ.คนจนภาคสนาม หน้าบ้านนายกฯ20มิ.ย.
หมอชนบท ไม่อ่อนข้อ หลังข้อตกลงไม่เอาเข้า ครม.ให้พิจารณา ตามข้อสรุปที่นายสุรนันท์ รับปาก รวมพลชุมนุมตามลั่น
ตามที่ชมรมแพทย์ชนบทและเครือข่ายความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม เครือข่ายผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เอดส์ หัวใจ มะเร็ง โรคเลือด และกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ได้รวมตัวกันเคลื่อนไหวขับไล่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขของรัฐ ไม่ให้ถูกครอบงำโดยตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน และบริษัทยาข้ามชาติ ด้วยการเคลื่อนไหวอารยะขัดขืนทั่วประเทศ ไม่เอาพีฟอร์พี และไม่เอา นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ และประกาศ เลื่อนการชุมนุมจัดตั้ง รพ.คนจนภาคสนาม ที่หน้าบ้านนายกรัฐมนตรีจากวันที่ 6 มิย. เป็นจะชุมนุมในวันที่ 20 มิย. 56 เปิดทางให้มีการเจรจากับนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ ผู้แทนนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 และ 6 มิย. นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล และมีข้อสรุปที่สำคัญ 10 ประการที่ผ่านการรับรองจากนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ และ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 9-10 มิย.
แต่เมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิย. และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กลับไม่มีการพิจารณาเนื้อหาส่วนที่เป็นผลสรุปของการเจรจาแต่อย่างใด ข้อสรุปทั้ง 10 ข้อไม่ได้รับการตอบสนองใดๆตามที่มีการตกลงกัน มีแต่เพียงคณะรัฐมนตรีรับทราบข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นสาระความคิดส่วนตัวของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ที่พูดโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อต่างๆตลอดเวลาที่ผ่านมาเท่านั้น
จากมติคณะรัฐมนตรีที่บิดเบือนดังกล่าว ชมรมแพทย์ชนบทและเครือข่ายความเป็นธรรมในระบบสุขภาพ จึงขอประณามการแสดงละครเจรจาลวงโลกในครั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าแท้จริงแล้วการเจรจาที่ทำเนียบรัฐบาลโดยมีนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ ผู้แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก็เป็นเพียงเกมส์ทางการเมือง
อย่างไรก็ตามการที่ผู้แทนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้หักหลังไม่นำผลสรุปการเจรจาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเลยนั้น ได้สร้างความชอบธรรมถึงระดับมากที่สุดในการการเคลื่อนเพื่อขับไล่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ออกไป โดยไม่มีการเจรจาใดๆอีก และยืนยันความชอบธรรมที่จะชุมนุมจัดตั้ง รพ.คนจนภาคสนาม ที่หน้าบ้านนายกรัฐมนตรี เพื่อขอเข้าพบให้ข้อมูลกับนายกรัฐมนตรี โดยตรง
สำหรับข้อตกลง ประกอบด้วย
1.รัฐบาลยืนยันไม่ใช้ระบบร่วมจ่าย (Co-Payment) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
2.รัฐบาลจะยกเลิกการเก็บ 30 บาท หากทบทวนข้อมูลแล้วว่าไม่คุ้มค่าและไม่เหมาะสม
3.รัฐบาล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันที่จะปฏิบัติตาม พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยจะไม่มีการโอนอำนาจ ในการจัดสรรงบประมาณหลักประกันสุขภาพให้เขตบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งพฤตินัยและนิตินัย
4. รัฐบาล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันจะไม่มีการแทรกแซงการบริหารงานภายในของ สปสช. เช่น ในกรณีการแต่งตั้งรองเลขาธิการ หรือสั่งการให้มีการสร้างสำนักงาน สปสช.แห่งใหม่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข
5. ให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงขององค์การเภสัชกรรม และกรณีการปลด นพ.วิทิต อรรถเวชกุล แล้วให้จัดทำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อนายกรัฐมนตรี และเผยแพร่ข้อเท็จจริงสู่สาธารณะเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการทำงานขององค์การเภสัชกรรม ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเพื่อสังคมในการสร้างความมั่นคงทางยาของประเทศ
6.รัฐบาลยืนยันจะไม่มีแปรรูปองค์การเภสัชกรรม โดยคงสถานภาพรัฐวิสาหกิจไว้ตามเดิม
7.รัฐบาลโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันจะไม่มีการใช้เงินสะสม จำนวน 4,000 ล้านบาทขององค์การเภสัชกรรม เพื่อใช้สร้างศูนย์ความเป็นเลิศของกระทรวงสาธารณสุข
8. รัฐบาลโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันจะไม่ให้มีการโอนงบประมาณโครงการสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐจำนวน 75 ล้านให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และให้ดำเนินการไปตามข้อแนะนำของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(ส.ต.ง.)
9.กรณีเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายของโรงพยาบาลชุมชน
9.1 จะมีการออกประกาศเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฉบับใหม่ในส่วนของโรงพยาบาลชุมชน ให้มีรายละเอียดตามฉบับ 4 และ 6 โดยให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการโดยมีกรรมการจากกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพโรงพยาบาลชุมชนเข้าร่วมพิจารณา และมอบหมายให้ เลขานายกรัฐมนตรี และดร.คณิศ แสงสุพรรณ ดูแลให้การดำเนินการแล้วเสร็จเร็วที่สุด และไม่เกิน 60วัน
9.2ระยะวลานับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2556 จนถึงวันที่เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ ให้ใช้กลไกการเยียวยาต่อผู้ถูกรอนสิทธิ ตามมติ ค.ร.ม.เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2556 โดยให้ชดเชยเท่ากับส่วนต่างระหว่างอัตราตามเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายฉบับที่ 4,6 และ ฉบับที่ 8 ทั้งหมด ทุกกลุ่มวิชาชีพ
10.ในส่วนของ P4P (Pay For Performance) ในส่วนของโรงพยาบาลชุมชน
10.1ให้เป็นไปโดยสมัครใจ และไม่จำเป็นต้องทำในทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย
10.2 หากจะดำเนินการนำเอา P4P มาใช้งานในโรงพยาบาลชุมชน ต้องให้ทุกภาคส่วนและสหวิชาชีพ ศึกษาและกำหนดหลักการ หลักเกณฑ์รายละเอียด ให้สอดคล้องกับบริบทของโรงพยาบาลชุมชนแต่ละแห่งก่อน และให้เป็นไปโดยสมัครใจ