ทางการรัสเซียพร้อมให้ผู้ล่วงความลับสหรัฐฯ ลี้ภัยในประเทศ
สถานีโทรทัศน์ของออสเตรเลีย ได้สอบถามความเห็นของนายจูเลี่ยน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซท์วิกีลีกส์ ที่เปิดเผยข้อมูลของสถานทูตสหรัฐฯทั่วโลก โดยนายอัสซานจ์ เผยว่า เขาเคยติดต่อกับนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เด้นท์ แต่ไม่ได้ติดต่อโดยตรง และไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะเปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้
โดยนายอัสซานจ์ให้สัมภาษณ์ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนท์ จากสถานฑูตเอกวาดอร์ ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่เดือนมิ.ย.2555 เพื่อหนีการส่งตัวไปดำเนินคดี ในประเทศสวีเดน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาว 2 คน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นคดีที่ถูกจัดฉากขึ้นมา เพื่อหาข้ออ้างในการควบคุมตัวเขา
โฆษกของนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย เปิดเผยว่า หากนายสโนว์เดนท์ ยื่นเรื่องขอลี้ภัยในรัสเซีย ทางการจะรับไว้พิจารณา แต่ตั้งแต่นายสโนว์เด้นท์เปิดเผยตัวตนสู่สาธารณะ เขาหายตัวไป โดยแจ้งออกจากโรงแรมที่พักในฮ่องกง และไม่มีใครทราบว่าเขาอยู่ที่ไหน
ก่อนหน้านี้นายสโนว์เด้นท์ เคยบอกว่าต้องการลี้ภัยไปประเทศไอซ์แลนด์ แต่ทางการไอซ์แลนด์บอกว่านายสโนว์แลนด์ยังไม่ได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการ
ผลการสำรวจความเห็นของชาวอเมริกัน โดยศูนย์วิจัย"พิว"พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 56 ยอมรับได้กับการดักฟังโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ตของรัฐบาล ส่วนผู้ที่ไม่ยอมรับมีร้อยละ 41 ขณะที่ร้อยละ 45 เห็นด้วยกับโครงการนี้และสนับสนุนให้รัฐบาลทำต่อไป เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุวินาศกรรมแบบที่เคยเกิดขึ้นกับอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์คอีก
ขณะที่ชาวฮ่องกงบางคน มองว่า นายสโนว์เด้นท์ควรจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาทำลงไป แม้ว่าฮ่องกงจะให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่เป็นการปกป้องชาวฮ่องกงเท่านั้น เขาคิดว่านายสโนว์เด้นท์ไม่ควรหลบซ่อนตัว
ซึ่งฮ่องกงมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐฯ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 หากทางการสหรัฐฯร้องขอให้ทางการฮ่องกง ส่งตัวนายสโนวเด้นท์กลับไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ ทางการฮ่องกงมีสิทธิ์ควบคุมตัวเขาเป็นเวลา 60 วัน หลังได้รับการร้องขออย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯ
ขณะที่โฆษกของกองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นายสโนว์เด้นท์ เคยเป็นทหารยศสิบตรีของฐานทัพฟอร์ท เบนนิ่ง ในรัฐจอร์เจีย และพยายามสมัครเข้ากองกำลังพิเศษ แต่ไม่ผ่านการอบรมและถูกปลดออกจากกองทัพในปี 2547 โดยไม่เคยได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติใดๆ
การเปิดเผยข้อมูลของโครงการ "พริซึ่ม" ที่อนุญาตให้ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ หรือ"เอ็นเอสเอ"และหน่วยข่าวกรองกลาง หรือ CIA สามารถดักฟังข้อมูลทางโทรศัพท์ และดักจับการใช้อินเตอร์เน็ต ของผู้ให้บริการ 9 ราย
ซึ่งในจำนวนนี้มีเว็บไซท์เฟซบุ๊ค และกูเกิ้ลรวมอยู่ด้วย เพื่อตรวจหาความเชื่อมโยง ที่อาจจะมีการติดต่อกันระหว่างกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงในต่างประเทศ
โครงการนี้ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส รวมทั้งมีการกำกับดูแลในทางลับโดยศาล นายสโนว์เด้นท์ซึ่งเคยทำงานเป็นพนักงานจ้าง ของทั้งสองหน่วยงาน บอกว่า สาเหตุที่ต้องเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะมองว่า อเมริกันควรจะได้รับทราบการกระทำที่ละเมิด พื้นฐานประชาธิปไตยของหน่วยงานภาครัฐ