คืบฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สัปดาห์แรกมีกลุ่มเสี่ยงได้รับแล้วกว่า 7 หมื่นราย
3 จังหวัดที่มีผลงานการให้วัคซีนแก่ประชาชนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ปทุมธานี เพชรบูรณ์ และภูเก็ต เผยกรมควบคุมโรคขอยืมวัคซีนฉีดให้บุคลากรกลุ่มเสี่ยง โดยไม่ให้กระทบสิทธิและการเข้าถึงวัคซีนของประชาชน เหตุยังอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อ
นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ กระทรวงสาธารณสุข และสปสช. ร่วมกับโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปี 2556 ในประชาชนกลุ่มเสี่ยง 3 กลุ่ม ฟรี ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ทุกกลุ่มอายุและทุกสิทธิการรักษา ได้แก่ หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย หลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และเบาหวาน
2.ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ขึ้นไปทุกคน และ 3.บุคลากรทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจากผู้ป่วย 460,000 คน รวมทั้งหมด 3,460,000 คน โดยเริ่มดำเนินการ 4 เดือน ตั้งแต่ 27 พฤษภาคม-กันยายน 2556 นั้น ซึ่งในการจัดซื้อวัคซีนนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ สปสช.ดำเนินการจัดซื้อ 3,000,000 โด๊ส และกรมควบคุมโรคดำเนินการจัดซื้อ 460,000 โด๊ส
“ผลการดำเนินงานในสัปดาห์ที่ 1 (27 พฤษภาคม-8 มิถุนายน) พบว่าประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีนแล้ว 72,360 ราย โดยจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานอันดับหนึ่ง คือ ปทุมธานี รองลงมาคือ เพชรบูรณ์ และ ภูเก็ตตามลำดับ ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ได้จากลงบันทึกของหน่วยบริการเข้ามาที่ สปสช. แต่คาดว่าผลการดำเนินการจริงจะมากกว่านี้ เพราะยังมีข้อมูลจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้ลงบันทึกของหน่วยบริการ เนื่องจากเป็นสัปดาห์ที่ 1 ของการให้บริการ และเหลือเวลาอีก 4 เดือนในการดำเนินการให้ครบตามกลุ่มเป้าหมาย” เลขาธิการสปสช. กล่าว
นายแพทย์วินัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการฉีดวัคซีนให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยง 460,000 คนนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อของกรมควบคุมโรค ดังนั้นเพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบุคลากรกลุ่มเสี่ยงได้รับการส่งเสริมป้องกันโรคอย่างทันกาล ทางกรมควบคุมโรคจึงขอยืมวัคซีนจากสปสช.ให้หน่วยบริการใช้ฉีดแก่บุคลากรด้วย ทั้งนี้จะไม่ให้กระทบถึงสิทธิและการเข้าถึงบริการวัคซีนของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มแรก จากจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีน 72,360 รายนั้น มีบุคลากรทางแพทย์และสาธารณสุขที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว 7,443 ราย ทั้งนี้ วัคซีนที่ฉีดเป็นชนิดที่ทำจากเชื้อตาย รวม 3 สายพันธุ์ คือ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น1 (A H1N1) ชนิดเอ เอช 3 เอ็น2 (A H3N2) และชนิดบี (B) ซึ่งเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบบ่อยในไทยและทั่วโลกและวัคซีนยังใช้ได้ผลดี เนื่องจากเชื้อไม่มีปัญหากลายพันธุ์ แต่วัคซีนชนิดนี้ไม่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดนกทั้งสายพันธุ์เก่าและใหม่ได้
สำหรับในปีที่ผ่านมา สปสช.ให้บริการครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้ถึงร้อยละ 36 เป็นจำนวน 2.7 ล้านคน ภายใต้วงเงิน 470 ล้านบาท โดยมีอัตราการสูญเสียวัคซีนร้อยละ 6 เท่านั้น ทั้งนี้หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. โทร.1330 หรือ สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422