“ทหารยศพันเอก” ขับรถชน “หมอมุก” ปฏิเสธทุกข้อหา
ทหารยศพันเอกที่ขับรถชน "หมอมุก" เข้ามอบตัวแล้ว ด้านผู้บัญชาการทหารบกยืนยันไม่ปกป้องทหารที่ทำผิด ส่วนอาการของ “หมอมุก” แพทย์ยังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีภาวะสมองบวม
นพ.บุญโชติ เคียงกิติวรรณ แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดเผยอาการล่าสุดของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก แพทย์คลินิกผู้สูงอายุ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าว่า ความดันในสมองขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และสามารถลดการให้ยาเพื่อลดอาการสมองบวมได้แล้ว ภาวะไข้ลดลง รวมถึงผู้ป่วยสามารถลืมตาและขยับตัวได้ ซึ่งเป็นสัญญาณแนวโน้มอาการที่ดีขึ้น แต่ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์จนกว่าจะผ่านภาวะวิกฤติสมองบวมไปให้ได้ก่อน จึงจะสามารถคาดการณ์อาการในอนาคตได้
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า รอเพียงผลตรวจพิสูจน์รถยนต์คันต้องสงสัย ซึ่งเป็นรถยนต์ของสำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และยืนยันว่า คดีนี้จะถูกดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โดยหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุก็ย้ำการดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ความกังวลของมารดาผู้บาดเจ็บว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยนั้น ได้มีการจัดตำรวจไปดูแลแล้ว
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุถึงกรณีนี้ว่า ให้มีการสอบสวนติดตามอยู่ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานมาแล้ว ทั้งด้านคดีของผู้เสียหายและบุคคลที่เป็นผู้ก่อเหตุ รวมทั้งมีวัตถุพยาน ส่วนการมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยต้นสังกัดที่จะต้องดูแลเบื้องต้น โดยให้โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าทำรายงานข้อเท็จจริงถึงกรมแพทย์ทหารบกแล้ว พร้อมย้ำว่า หลังทราบเหตุการณ์ได้สั่งการให้สอบสวนทันที และคงปกปิดความจริงไม่ได้ ส่วนที่เกรงว่าจะนำบุคคลอื่นมารับผิดแทน ยืนยันว่าจะไม่ให้มี ขณะเดียวกันผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุด หากใครทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ และถ้าเป็นทหารด้วยกันก็มีวินัยทหารดูแลอยู่แล้ว
ล่าสุด มีรายงานว่า นายทหารพระธรรมนูญ กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำตัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลางสำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย วัย 51 ปี เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไทแล้ว เบื้องต้นให้การปฏิเสธ โดยระบุว่า พ.ต.พญ.หทัยพรโมโหที่บุตรสาวเขียนด่าที่รถยนต์ของ พ.ต.พญ.หทัยพร จึงตรงเข้าทุบรถ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปเอง