คน 6 ใน 10 นักสูบอยากเลิก ตั้งเป้า
ไอซีที จับมือผู้บริการโทรศัพท์ทุกค่าย โทรฟรี สายด่วนเลิกบุหรี่ “1600” หวังช่วยสิงห์อมควันกลับใจพบ 6 ใน 10 นักสูบอยากเลิกแต่ใจไม่แข็งพอ เหตุสูบซ้ำ ชี้ ต้องเร่งจัดบริการทางสุขภาพครบวงจร ทั้งบำบัด รักษาให้คำปรึกษา ไปพร้อมกัน
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติบริษัทให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่/โทรศัพท์พื้นฐานและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ลงนามความร่วมมือ“ยกเว้นค่าโทรศัพท์ 1600 สายเลิกบุหรี่” โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่าการสูบบุหรี่เป็นการสร้างภาระโรค ทำให้รัฐต้องสูญเสียค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการสูบบุหรี่ถึง9,857 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 0.48 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) และทำให้คนไทยเสียชีวิตถึง 48,244 คนต่อปี อายุสั้นลงประมาณ 20-25 ปี
โดยในจำนวนผู้สูบบุหรี่ 12.5 ล้านคน หรือผู้สูบบุหรี่ 6 ใน 10 คนมีความต้องการอยากเลิกบุหรี่ ดังนั้น การสนับสนุนบริการเลิกบุหรี่จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยลดการกลับมาสูบบุหรี่ซ้ำได้ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนให้ความสนใจรับบริการปรึกษาการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์จำนวนมากการสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเลิกบุหรี่ถือเป็นหน้าที่ที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือยกเว้นค่าโทรศัพท์ “1600” สายเลิกบุหรี่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์ทุกเครือข่าย ร่วมกันยกเว้นค่าบริการโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่หากเรียกเข้าหมายเลข “1600” เพื่อให้บริการแก่ประชาชนที่ต้องการขอคำปรึกษาการเลิกบุหรี่จากข้อมูลปี 2554 ประเทศไทยมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รวม 75.35 ล้านรายมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์ประจำที่รวม 6.66 ล้านเลขหมายการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจึงเป็นตัวกระตุ้นให้ประชาชนได้รับบริการมากขึ้น
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าจากข้อมูลการสำรวจสถานการณ์การสูบบุหรี่ พบว่า โดยเฉลี่ยผู้ชาย 1 ใน 6 คนและผู้หญิง 1 ใน 25 คน จะเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ทำให้สูญเสียปีสุขภาวะ (ปีที่มีสุขภาพดีจากการตายก่อนวัยอันควรหรือมีความพิการ) ราว 6แสนปีสุขภาวะ หรือร้อยละ 11.1 ของภาระโรคทั้งหมด ในจำนวนนี้มาจากโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคมะเร็งปอด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งนี้ พบว่าสิทธิประโยชน์การประกันสุขภาพเรื่องการเลิกสูบบุหรี่ทั้งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคม และสวัสดิการราชการถือว่ายังไม่เป็นรูปธรรม ประชาชนเข้าถึงการบริการได้น้อย ภาครัฐจำเป็นต้องจัดการบริการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นการให้บริการสายด่วนถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามการให้คำปรึกษาและการรักษายังจำเป็นต้องทำควบคู่กัน
รศ.ดร.จินตนา ยูนิพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ(ศบช.) กล่าวว่า ศบช.เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2552โดยมูลนิธิสร้างสุขไทย และรับการสนับสนุนจาก สสส. มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการการเลิกบุหรี่ได้อย่างง่ายปัจจุบันให้บริการประชาชนได้เต็มที่พร้อมกัน 30 คู่สาย ให้บริการได้เฉลี่ย 2,600 รายต่อเดือน โดยมีเจ้าหน้าที่ให้บริการที่ผ่านการอบรมเพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชนโดยจะทำงานทั้งการบริการเชิงรับคือ รับสายผู้โทรเข้าหมายเลข 1600 และเชิงรุก คือโทรออกไปยังผู้ที่ต้องการเลิกสูบที่ส่งต่อมาจากภาคีเครือข่าย โทรติดตามเยี่ยม 6ครั้ง/คน (ในเวลา 1 ปี) และผู้ที่ขอใช้บริการผ่าน
www.thailandquitline.or.th และขยายช่องทางให้บริการผ่านSMS โทร 089-814-1600 ประชาชนสามารถส่งข้อความและนัดวันโทรให้เจ้าหน้าที่โทรกลับได้
“การเสพติดบุหรี่ร่างกายจะต้องการนิโคตินอยู่ตลอดเวลา เมื่อนิโคตินในกระแสเลือดลดระดับลง ช่วง 3-5 วันแรกของการเลิกสูบบุหรี่ผู้เลิกบุหรี่จะมีอาการ เช่น อารมณ์ถูกกระทบง่าย โกรธ รู้สึกเหนื่อยล้า วิตกกังวลหงุดหงิด เครียด ปวดศีรษะ พักผ่อนได้น้อย ไม่ค่อยมีสมาธิ เป็นต้น อาการดังกล่าวเป็นอาการในช่วงการปรับตัวแต่เป็นอาการสำคัญที่ทำให้คนที่ต้องการเลิกบุหรี่ไม่สามารถผ่านไปได้จนกลับมาสูบบุหรี่ซ้ำ ซึ่งระหว่างนั้นหากได้รับคำแนะนำ การให้กำลังใจ ก็จะสามารถผ่านช่วงเวลานั้นไปได้และเลิกบุหรี่ได้ในที่สุด” รศ.ดร.จินตนา กล่าว