วันนี้ (19 ก.ค.) นายจุลภัทร แสงจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองมีคำสั่งระงับการดำเนินกิจการถ่านหินใน จ.สมุทสาครว่า ตามที่ นายทองนาค เสวกจินดา กับพวกรวม 3 คน ในนามกลุ่มต่อต้านถ่านหินอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตจังหวัดสมุทรสาคร ฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย จังหวัดสมุทรสาครกับพวก ละเลยปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้ บริษัท เทคนิทีม(ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินกิจการถ่านหิน ซึ่งหลังจากนี้จังหวัดจะเข้าไปดำเนินการกำกับดูแลตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ก่อนหน้านี้ จังหวัดสมุทรสาครมีคำสั่งให้ทุกบริษัทที่ประกอบกิจการถ่านหินในพื้นที่ ระงับการทำกิจการมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2554 แล้ว และมีการทำงานภายใต้คณะกรรมการเบญจภาคีที่ประกอบด้วย ภาคราชการ ประชาชน สื่อมวลชน ภาคเอกชน และ ผู้อนุญาตหน่วยงานท้องถิ่น กำหนดหลักเกณฑ์ให้บริษัทกิจการถ่านหินทุกแห่งปฏิบัติ ซึ่งขณะนี้มีเพียง 3 บริษัท ที่คณะกรรมการเบญจภาคีอนุญาตให้ทำเพียงการขนถ่ายถ่านหินทางบกเท่านั้น
ส่วนกรณี บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง ที่ถูกสั่งให้ปรับปรุง และกลับมาเปิดใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ระบุว่า ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการเบญจภาคี ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน สามารถควบคุมปัญหามลพิษ ฝุ่นละอองถ่านหินได้ มีการปรับภูมิทัศน์ รักษาสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการยังสามารถตรวจสอบได้จากการติดตามด้วยกล้องวงจรปิด
เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งในคดีที่นายทองนาค เสวกจินดา กับพวกรวม 3 คน ฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย จังหวัดสมุทรสาครกับพวกรวม 3 คน ว่าละเลยต่อหน้าที่ปล่อยให้ บริษัท เทคนิทีม(ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินกิจการถ่ายหิน บริเวณริมแม่ท่าจีน ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ไม่ได้รับอนุญาต โดยศาลอ่านคำพิพากษาให้บริษัท เทคนิทีม (ประเทศไทย) ยุติการประกอบกิจการถ่านหินทุกกรณี แต่หากจะใช้อาคารดังกล่าวต้องขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ภายใน 30 วัน ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2555 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ให้ระงับการประกอบกิจการถ่านหินของ บริษัทดังกล่าวมาแล้ว