สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชามีท่าทีประนีประนอมโดยบอกว่าพร้อมจะเจรจากับฝ่ายค้านเพื่อหาทางออกเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ยินดีที่จะให้ กกต.ร่วมมือกับพรรคการเมืองและภาคประชาสังคมตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องทุจริตโกงเลือกตั้ง
ถือเป็นครั้งแรกที่สมเด็จฮุนเซ็น ออกมาแสดงความคิดเห็นและมีท่าทีประนีประนอมกับฝ่ายค้าน สมเด็จฮุนเซ็นกล่าวว่าหากคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องให้พรรคการเมืองและองค์กรภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องการทุจริตเลือกตั้ง รัฐบาลและพรรคประชาชนกัมพูชาหรือ CPP ก็ยินดี เพื่อให้การตรวจสอบโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับของทุกคน พร้อมกล่าวว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นชัยชนะของชาติ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลพร้อมจะเปิดการเจรจากับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มี สส.อยู่ในสภา ซึ่งหมายถึงพรรคกู้ชาติแห่งกัมพูชาหรือ CNRP ที่นำโดยนายสม รังสี โดยผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพบว่ามีเพียงสองพรรคเท่านั้นที่ชนะการเลือกตั้งและมี สส.ในสภา สมเด็จฮุนเซ็นขอให้ทุกฝ่ายเปิดใจมาเจรจากันเพื่อให้กัมพูชามีประชาธิปไตยเต็มใบ
ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการระบุว่าพรรค CPP ของสมเด็จฮุนเซนชนะการเลือกตั้ง โดยได้ สส.68 ที่นั่งจากทั้งหมด 123 ที่นั่งเท่ากับว่ามี สส.มากกว่าครึ่งหนึ่ง และที่เหลืออีก 55 ที่นั่งตกเป็นของพรรค CNRP ทั้งหมด แม้ว่าพรรครัฐบาลอาจจะชนะการเลือกตั้ง แต่ก็สูญเสียที่นั่งจำนวนมากให้ฝ่ายค้าน นี่ถือเป็นผลงานในการเลือกตั้งที่แย่ที่สุดในรอบ 15 ปีของพรรค CPP
เมื่อวานนี้ชาวกัมพูชาหลายร้อยคน ลงชื่อร้องเรียนถึงความไม่ปกติในการเลือกตั้ง โดยพรรค CNRP เป็นผู้รวบรวมรายชื่อ ซึ่งนายสม รังสี ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เรียกร้องผู้สนับสนุนให้ร่วมกันร้องเรียนความผิดปกติเพื่อจะได้แสดงหลักฐานแก่คณะกรรมการการเลือกตั้งของกัมพูชา โดยอ้างว่าพรรคของเขาชนะการเลือกตั้งแต่ถูกกลโกงของรัฐบาล ปล้นชัยชนะไป ปัญหาที่มีการร้องเรียน มีตั้งแต่เรื่องที่เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้ง อนุญาตให้ผู้มีสิทธิที่ทำบัตรประชาชนหาย ใช้บัตรของคนอื่นมาลงคะแนนแทนได้ จนถึงปัญหาใหญ่ที่สุดที่มีการร้องเรียนกันมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็คือรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งตกหล่น ทั้งที่มีการลงทะเบียนเลือกตั้งไว้แล้ว
การประกาศไม่รับผลการเลือกตั้งเสี่ยงจะทำให้การเมืองกัมพูชาเข้าสู่ภาวะชะงักงัน เพราะตามรัฐธรรมนูญกัมพูชากำหนดให้ส.ส.เข้าร่วมประชุมอย่างน้อย 120 คน จึงจะเริ่มการประชุมสภา เพื่อจัดตั้งคณะรัฐบาลได้ ซึ่งหากฝ่ายค้านคว่ำบาตร ก็จะทำให้รัฐบาลใหม่ของสมเด็จฮุนเซ็น มีสภาพเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการณ์ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่า สมเด็จฮุนเซ็น จะเจรจาเพื่อรอมชอมกับฝ่ายค้านได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เผชิญกับภาวะชะงักงันทางการเมือง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมือปี 2546 ซึ่งพรรค CPP ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ ทำให้เกิดสูญญากาศทางการเมืองถึง 11 เดือน
นักวิเคราะห์มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ นับเป็นอุปสรรคสำคัญในชีวิตการเมืองสมเด็จฮุน เซ็น เนื่องจากครั้งนี้พรรคฝ่ายค้านที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองที่สำคัญที่สุด แม้ว่าจะมีเพียงพรรคเดียว แต่ก็แข็งแกร่งจนยากที่ ส.ส.จะแปรพักตร์ และฝ่ายค้านยังได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนล้นหลาม