นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ระบุว่า ร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะผ่านหรือไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ ก็จะไม่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจระยะสั้น และไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว หรือเสียโอกาส เนื่องจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานบางโครงการที่จำเป็นยังเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ต้องใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เช่น โครงการรถไฟรางคู่ และเห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ที่ชัดเจน และเชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่นอย่างเป็นระบบ เพื่อความคุ้มค่าในการลงทุน และไม่ส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศสูงเกินไป
นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ ทีดีอาร์ไอ ระบุด้วยว่าแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีโครงการที่พร้อมดำเนินการเพียงร้อยละ 25 เท่านั้น แต่อีกร้อยละ 75 ยังขาดความชัดเจน และมีข้อสงสัยจากหลายฝ่าย เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการควรเปิดทางให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน หรือร่วมบริหารจัดการ เพื่อลดความเสี่ยง
ขณะเดียวกันควรจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เนื่องจากในอนาคตประเทศยังมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อพัฒนาด้านอื่นๆอีก เช่น การปฎิรูปการศึกษา ระบบสาธารณะสุข ไม่นับรวมนโยบายประชานิยมที่จะทำให้ภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต