เลขาฯสมช.ยอมรับบีอาร์เอ็นอาจเปลี่ยนหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นอกจากข้อเรียกร้องของฝ่ายบีอาร์เอ็น ซึ่งฝ่ายไทยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังยอมรับด้วยว่า กลุ่มบีอาร์เอ็น เตรียมจะปรับคณะการพูดคุยสันติภาพ จากเดิม ที่มีนายฮัสซัน ตอยิบ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา
แม้จะมีข้อมูลดังกล่าว แต่เลขาธิการ สมช. ยังยืนยันว่า ในเบื้องต้น หากจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะต้องแจ้งไปยังมาเลเซีย ซึ่งอยู่ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกก่อน จึงถือว่าขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกลไกใดๆ ส่วนการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าคณะพูดคุย ไม่น่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง แต่อาจเสียบรรยากาศความคุ้นเคยในการพูดคุยเท่านั้น
ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม รถยนต์ปิคอัพที่ทหารพรานชุดร้อย ร.4609 กรมทหารพรานที่ 46 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ใช้เป็นพาหนะ ได้ถูกลอบวางระเบิดบริเวณถนน เยื้องกับสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลช้างเผือก หมู่ที่ 2 บ้านกูมุง ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้ ส.อ.สุริยะ ชัยภักดี และอาสาสมัครสุทธิภัทธ สุดีเยาะห์ ได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่เหตุลอบวางระเบิดทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 เสียชีวิต 4 นาย ที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ยังคงเน้นการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัย ที่คาดว่ากลุ่มผุ้ก่อเหตุใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว แต่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า สิ่งที่ผู้ก่อเหตุกระทำความรุนแรงลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ และส่งผลกระทบต่อประชาชนด้วยนั้น เป็นการกระทำที่ไม่หวังดี ถือเป็นการขัดขวางความเจริญ และความสงบสุข เพราะเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่เพื่อสร้างความสงบสุขให้กลับคืนสู่ภาคใต้ พร้อมยืนยันว่า กองทัพต้องดูแลประชาชนในพื้นที่ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกลับเข้าสู่ความสงบเหมือนในอดีต
ขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า เหตุความรุนแรงหลายครั้งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในระยะนี้ มีเป้าหมายในการโจมตีเจ้าหน้าที่ และมีจุดก่อเหตุเป็นเส้นทางเคลื่อนกำลังและปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน ซึ่งแม้จะมีมาตรการเฝ้าระวังแต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันเหตุได้