รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เชื่อว่า เหตุลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม.หลายจุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์ในช่วงใกล้วันครบรอบสถาปนาของกลุ่มก่อความไม่สงบ ขณะที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่าจะหยิบยกเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่สอบถามข้อเท็จจจริงในระหว่างการพูดคุยเพื่อสันติภาพกับบีอาร์เอ็น 
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุหลังเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงหารือสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เหตุระเบิดตู้เอทีเอ็มหลายจุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ล่าสุด เป็นการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์เนื่องจากใกล้วันครอบรอบสถาปนาของกลุ่มต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งบีอาร์เอ็น พูโลและเบอซาตู ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเข้มข้นมากขึ้น
ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุถึงการก่อความวุ่นวายและลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นการแสดงออกของกลุ่มเหล่านี้เพื่อยืนยันความมีตัวตนขององค์กรเหล่านี้ และไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเจ้าหน้าที่ ซึ่งลักษณะการก่อเหตุในครั้งนี้ไม่ได้ใช้อาวุธร้ายแรง แต่เป็นการก่อความวุ่นวายเท่านั้น
ขณะเดียวกันอาจจะพัฒนารูปแบบการก่อเหตุไปได้อีก จึงต้องเพิ่มมาตรการดูแล เพราะเป็นช่วงใกล้วันครบรอบสถาปนาของกลุ่มก่อความไม่สงบเหล่านี้ ซึ่งมีแนวโน้มการก่อเหตุในเชิงสัญลักษณ์มากขึ้น รวมทั้งเป็นกลุ่มที่เห็นต่างกับกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพกับบีอาร์เอ็น ต้องการแสดงศักยภาพ แต่เชื่อมั่นว่า กระบวนการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นยังเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นกลุ่มที่มาพูดคุยไม่ประสงค์ก่อเหตุรุนแรง โดยกรอบการพูดคุยในครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นคงหยิบยกสถานการณ์ไม่สงบในพื้นที่มาร่วมหารือและสอบถามข้อเท็จจริง เพื่อหารือแนวทางลดรุนแรงต่อไป
ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุถึงการก่อความวุ่นวายและลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นการแสดงออกของกลุ่มเหล่านี้เพื่อยืนยันความมีตัวตนขององค์กรเหล่านี้ และไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเจ้าหน้าที่ ซึ่งลักษณะการก่อเหตุในครั้งนี้ไม่ได้ใช้อาวุธร้ายแรง แต่เป็นการก่อความวุ่นวายเท่านั้น
ขณะเดียวกันอาจจะพัฒนารูปแบบการก่อเหตุไปได้อีก จึงต้องเพิ่มมาตรการดูแล เพราะเป็นช่วงใกล้วันครบรอบสถาปนาของกลุ่มก่อความไม่สงบเหล่านี้ ซึ่งมีแนวโน้มการก่อเหตุในเชิงสัญลักษณ์มากขึ้น รวมทั้งเป็นกลุ่มที่เห็นต่างกับกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพกับบีอาร์เอ็น ต้องการแสดงศักยภาพ แต่เชื่อมั่นว่า กระบวนการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นยังเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นกลุ่มที่มาพูดคุยไม่ประสงค์ก่อเหตุรุนแรง โดยกรอบการพูดคุยในครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นคงหยิบยกสถานการณ์ไม่สงบในพื้นที่มาร่วมหารือและสอบถามข้อเท็จจริง เพื่อหารือแนวทางลดรุนแรงต่อไป
