จนท. 4 จังหวัดชายแดนใต้ คุมเข้มความปลอดภัยวันฮารีรายอ
เศษชิ้นส่วนผ้าชุบน้ำมันเตรียมถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ในการจุดไฟเผาเสาส่งโทรศัพท์ ที่บ้านตันหยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นเหตุความวุ่นวายกว่า 17 จุดที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอ.ยะหริ่ง, อ.สายบุรี, อ.มายอ และอ.เมืองปัตตานีเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ต.ค.) โดยผู้ก่อเหตุที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 50 คนกระจายกำลังเผายางรถยนต์ และเสาส่งโทรศัพท์เสียหาย 17 จุด แต่การเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่สามารถทำได้เนื่องจากกังวลว่า จะเป็นแผนลอบทำร้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าตรวจสอบในช่วงเช้าพบว่าทุกจุดความเสียหายไม่มาก จึงคาดว่าจะเป็นการก่อกวนก่อนวันฮารีรายอ อิดิ้ลอัฏฮาในวันนี้ (15 ต.ค.)
ส่วนที่จ.นราธิวาส เกิดเหตุยิงนายสักรี ตาเยะ ผู้ใหญ่บ้านดีเด่นปี 2556 ขณะอยู่ภายในบ้านในต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ บาดเจ็บสาหัส โดยก่อนหน้านี้นายสักรีเคยถูกทำร้ายมาแล้วเมื่อปี 2551 และในปีนี้ก็ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านดีเด่นด้านการปราบปราม
โดยเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลามีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกำลังของฝ่ายปกครองที่ต้องดูแลในพื้นที่เขตเมืองชั้นในที่ต้องดำเนินการให้เข้มข้น
ส่วนบรรยากาศวันฮารีรายอ ตั้งแต่ช่วงเช้าชาวไทยมุสลิมกว่า 2,000 คน ร่วมละหมาดในวันตรุษอีดิ้ลอัฏฮาที่ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา และได้จับมือสาลาม เพื่อขออภัยซึ่งกัน เช่นเดียวกับที่อ.เบตง ชาวไทยมุสลิมบางส่วนทยอยเดินทางไปยังสุสาน หรือกูโปร์ เพื่ออ่านพระคัมภีร์หน้าหลุมฝั่งศพของบรรพบุรุษ ส่วนที่จ.ปัตตานี ภายหลังเสร็จสิ้นจากการละหมาดแล้ว ชาวไทยมุสลิมได้แยกย้ายกลับหมู่บ้านก่อนจะทำกุรบาน หรือการเชือดเนื้อเพื่อแจกจ่ายให้ผู้ยากไร้ หรือผู้ด้วยโอกาส และในช่วงบ่ายผู้คนส่วนใหญ่จะเดินทางไปเยี่ยมญาติ หรือไปท่องเที่ยว
ด้านที่ประชุมสมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหาร และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้หารือในกรณียิงผู้นำศาสนา และผู้ต้องหาที่ศาลสั่งไม่ฟ้องในคดีความมั่นคง และได้รับการประกันตัวออกมาเสียชีวิต จำนวน 16 คดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดว่า เกิดจากสาเหตุใด และยังมีการโฆษณาชวนเชื่อทางโซเซียลมีเดีย เพื่อสร้างความสับสน โดยตัวแทนของศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้บอกว่า ได้ออกหมายจับไปแล้ว 14 คดี แต่ยอมรับว่า การดำเนินคดีทำได้ยาก เพราะไม่มีใครกล้าเป็นพยาน แม้แต่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต