อย่างไรก็ตาม กระแสน้ำที่เชี่ยวรวมถึงอุปกรณ์ที่ไม่เพียงพอ นับเป็นอุปสรรคสำคัญในการเก็บกู้ ขณะที่ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 14 คน แต่ยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
เศษชิ้นส่วนซากเครื่องบิน สายการบินลาวแอร์ไลน์ แบบเอทีอาร์ 72 เที่ยวบิน Qv.301 ตกกระจายอยู่บริเวณเกาะกลางแม่น้ำโขง บ้านพะลิง เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ประเทศลาว หลังเครื่องบินลำดังกล่าวประสบอุบัติเหตุตกเมื่อเย็นวานนี้ (16 ต.ค.) และคาดว่าผู้โดยสาร จำนวน 44 คน และ ลูกเรือ 5 คน เสียชีวิตทั้งหมด จำนวนนี้มีคนไทย 5 คน
ร่อยรอยความเสียหายที่พบ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ที่คาดว่าเป็นจุดที่เครื่องบินลำดังกล่าวชน ก่อนตัวเครื่องจะระเบิด และตกลงไปในแม่น้ำโขง ทำให้ เจ้าหน้าที่ รวมถึงนักประดาน้ำทั้งไทย และลาว เร่งค้นหาผู้เสียชีวิต รวมถึงชิ้นส่วนเครื่องบินที่คาดว่าจะจมอยู่ในแม่น้ำโขง
พื้นที่โดยรอบเกาะพะลิง คือรัศมีที่เจ้าหน้าที่วางพิกัดในการค้นหา แต่เนื่องจากกลางแม่น้ำโขงซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินตก ไม่พบเศษชิ้นส่วนของเครื่องบิน ทำให้เจ้าหน้าสันนิษฐานว่าตัวเครื่องอาจจะจมอยู่ใต้น้ำ จึงเตรียมเรือบรรทุกรถเครน เพื่อเก็บกู้ซากเครื่องบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าอุปสรรคในการค้นหาคือกระแสน้ำที่เชี่ยว รวมถึงเรือไม่เพียงพอ
การค้นหาซากเครื่องบิน รวมถึงศพของผู้เสียชีวิต ทางการไทยส่งชุดกู้ภัย และชุดประดาน้ำ จาก จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี และ จ.นครราชสีมา กว่า 100 คนเข้าร่วม ซึ่งการทำงานมีเจ้าหน้าที่จากทางการลาว รวมถึงประชาชนชาวลาวจำนวนมาก มาดูจุดเกิดเหตุ ซึ่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เผยว่า ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด บริเวณเกาะพะลิง ก่อนจะเห็นเครื่องบินตกลงไปในแม่น้ำโขง
เหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินลาวแอร์ไลน์ตก ล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้สามารถค้นหาศพผู้เสียชีวิตได้รวม 14 ศพ ซึ่งจุดที่พบอยู่ห่างจากจุดที่เครื่องบินตก ไกลถึง 20 กิโลเมตร สภาพศพส่วนใหญ่ เป็นชิ้นส่วนมนุษย์ ที่ยังไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งค้นหาผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวมถึงเก็บกู้ซากเครื่องบิน เพื่อนำมาพิสูจน์หน้าสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้