นายกฯ พร้อมพัฒนาท่องเที่ยว-ลงทุนชายแดน เข้าใจม็อบค้านรบ.มีสิทธิ์ชุมนุม
นายกฯ จัดรายการ ชวนเที่ยว "บั้งไฟพญานาค" พร้อมหนุนการท่องเที่ยว-ลงทุนชายแดน พร้อมห่วงน้ำท่วม เชื่อเขื่อนช่วยแก้ปัญหาอุทกภัย และภัยแล้งได้
วันนี้ (19 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จัดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" จาก จ.หนองคาย เชิญชวนประชาชนร่วมงานประเพณีบุญบั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย และประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม พร้อมระบุว่า รัฐบาลมีความพร้อมในการพัฒนาการคมนาคม และบุคลากรบริเวณชายแดน เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และการลงทุนด้วยการจัดให้มีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท รวมไปถึงการพัฒนาเรื่องความปลอดภัยในจังหวัดท่องเที่ยว ทั้งนี้ ในอนาคต หากทิศทางการลงทุน และการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดี อาจมีการพิจาณณาให้พื้นที่นั้น ๆ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาอุทกภัยในปี 2556 นี้ ด้วยว่า ปัญหาอุทกภัยในปีนี้แตกต่างกับปี 2554 และ 2555 ซึ่งภาพรวมของน้ำท่วมในปีนี้ จะมีปัญหาเฉพาะจุดมากกว่า โดยเฉพาะ จ.ฉะเชิงเทรา และจ.ปราบุรี ที่ยังน่าห่วง ดังนั้น เห็นว่า การสร้างเขื่อนน่าจะช่วยกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังคงเห็นความสำคัญของการทรัพยากรป่าไม้ที่ต้องสูญเสียไป แต่ทั้งนี้ หากมีการปลูกทดแทน 2-3 เท่า น่าจะช่วยได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบถึงการสร้างเขื่อนในครั้งนี้ก่อน
ในส่วนการเยียวยาผู้ประสบภัยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะเป็นผู้ดูแล ซึ่งเกณฑ์การช่วยเหลือ จะไม่เหมือนปี 2554 ทั้งหมด แต่ยันยันว่า ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งการเสียชีวิต, บาดเจ็บ, บ้านเรือน หรืออาคารเสียหาย รวมถึงพื้นที่การเกษตร ทั้งนี้ ต่อข้อสงสัยในงบประมาณการบริหารจัดการน้ำ 1.2 แสนล้านบาท นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณส่วนนี้ ไม่ได้นำไปใช่เพื่อการป้องกันน้ำท่วมเพียงอย่างเดียว แต่ได้ใช้งบประมาณ 56,000 บาท ในส่วนนี้ เพื่อเยียวยาประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม, การซ่อมถนน และอาคารบ้านเรือนที่ชำรุดด้วย ปี 2554 ด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าอีกว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะบริหารงานอยู่ครบ 4 ปี หรือไม่ เพราะต้องขึ้นอยู่กับประชาชนว่า จะให้โอกาสมากน้อยแค่ไหน ขณะที่มีความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชมุนมุที่ออกมาคัดค้านการทำงานรัฐบาล โดยเห็นว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงออก และมีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องฟังเสียงทั้ง 2 ฝ่าย
รมว.พณ.ย้ำจำนำข้าวขาดทุนไม่ถึง 400,000 ล้าน ยืนยัน ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวย้ำว่า โครงการรับจำนำข้าว ไม่ได้ขาดทุน 400,000 ล้านบาท ตามที่ ม.ร.ว.ปริดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลังเปิดเผย ทั้งนี้ ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้สนใจกำไร เพียงแต่ต้องการช่วยเหลือให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยการพยุงราคาไว้ ซึ่งไม่ใช่การบิดเบือนกลไลตลาดอย่างที่เข้าใจ พร้อมมั่นใจว่า ทุกขั้นตอนของโครงการนั้น สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้ ซึ่งข้าวที่ถูกระบุว่า หายไปจากสต็อคนั้น มีการตรวจเช็คตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจน คาดว่า เร็ว ๆ นี้ จะมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีเกษตรกรเข้าโครงการร้อยละ 60 ขณะที่อีกร้อยละ 40 ทำการซื้อขายตามปกติ
สำหรับการขายข้าวแบบจีทูจี ระหว่างไทย และจีน นั้น ยืนยันว่า เป็นการขายข้าวปีละ 1 ล้านตันจริง ซึ่งเตรียมจะเดินทางเจรจา และจะมีความชัดเจนในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่การทำบาร์เตอร์ เทรด ระหว่างไทย และจีน ที่ไทยจะซื้อรถไฟความเร็วสูง และจีนจะซื้อสินค้าการเกษตรจากไทย อาจมีความเป็นไปได้ ซึ่งราคาการซื้อขาย จะเป็นไปตามราคาตลาด ไม่กำหนดแน่นอนว่าต้องเป็นราคานี้ไปตลอด