ธุรกิจเตรียมขึ้นราคาสินค้าอีกร้อยละ 5 ปีหน้า
หลังมีนโยบายปรับขึ้นเงินเดือน และค่าแรงขั้นต่ำ ดูเหมือนว่าราคาสินค้า และค่าสาธารณูปโภคส่วนใหญ่ต่างปรับขึ้นราคาเช่นกัน ซึ่งถ้าหากยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ราคาก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า และค่าทางด่วนได้ปรับขึ้นราคาพร้อมกัน และตอนนี้ รถเมล์ กับ เรือด่วน ก็อยู่ระหว่างการขอปรับขึ้นค่าโดยสารเช่นกัน
แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าที่คาดว่าจะสดใสขึ้น เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการเชื่อว่าคนไทยจะกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น หลังจากที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาสินค้าได้มากนัก ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะการบริโภคในประเทศชะลอตัวลงมาก จากหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
ผู้ประกอบการมีแผนปรับขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ยร้อยละ 5 โดยการปรับราคาสินค้า จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง กลุ่มแรก อาจปรับขึ้นราคาต้นปี 2557 หลังแบกรับภาระต้นทุนมานาน รวมถึงภาครัฐขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าไปจนถึงสิ้นปีนี้
ส่วนอีกกลุ่ม จะปรับในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ซึ่งอาจจะปรับราคาได้มากกว่า เพราะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ยังมองว่าเม็ดเงินจากนโยบายของรัฐ ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการบริหารจัดการน้ำ จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปีหน้าประมาณ 100,000 ล้านบาท
ส่วนระดับราคาที่จะปรับขึ้น ถ้าเป็นหมวดอาหาร จะปรับขึ้นครั้งละ 5 บาท 10 บาท และ 15 บาท ต่อจาน ซึ่งต่างจากสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับขึ้นครั้งละ 1-3 บาท คงต้องมารอดูกันว่า ปีหน้ากำลังซื้อในบ้านเราจะเพิ่มขึ้นอย่างที่ผู้ประกอบการหวังไว้หรือเปล่า แต่สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี ก็บอกว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณกำลังซื้อที่ดีขึ้น ส่วนสินค้าก็ขายไม่ได้ เพราะลูกค้าไม่จับจ่าย
นางเพ็ญทิพย์ พรจะเด็ด นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย กล่าวว่า ภาพรวมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว และกำลังซื้อของผู้บริโภคหดตัวลงมาก รวมทั้งเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ยอดขายสินค้าในช่วงปลายปีนี้ไม่เติบโต ทั้งที่เป็นฤดูขายสินค้า สภาพคล่องของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจึงมีแนวโน้มลดลง ซึ่งประเมินว่าภาพรวมของธุรกิจในปีนี้จะไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน
ขณะที่ปัญหาน้ำท่วม ทำให้มีโรงงานของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถูกน้ำท่วมมากกว่า 40 แห่ง เช่น ใน จ.ปราจีนบุรี ได้รับผลกระทบ 10 ราย เป็นกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ เกษตร และแปรรูปผลไม้ ทั้งนี้ ต้องการให้ภาครัฐประกาศโครงการให้ความช่วยเหลือที่ชัดเจน และสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ร้อยละ 3 หรือการยกเว้นดอกเบี้ย
ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเสียงวิจารณ์ว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่ดำเนินการเรื่องของแพง นายยรรยง กล่าวว่า ได้ติดตามราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด และส่งเจ้าหน้าที่กระจายไปทั่วประเทศ พบว่าราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป