เอฟบีไอเร่งหาแรงจูงใจเหตุยิงในสนามบินนานาชาติลอส แองเจลิส
เหตุชายวัย 23 ปี ยิงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินนานาชาติลอส แองเจลลิสเสียชีวิต เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความโกลาหลไปทั่วสนามบิน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 9.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 23.20 น. ตามเวลาไทย เมื่อนายพอล แอนโธนี่ เชียนเซีย วัย 23 ปี เดินเข้าไปยังอาคารจอดเครื่องบิน 3 ของสนามบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ ก่อนหยิบปืนไรเฟิลออกจากซอง และเริ่มเปิดฉากยิงในเทอร์มินอล 3 จากนั้นจึงเดินไปยังจุดตรวจด้านความปลอดภัย และยิงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงด้านการคมนาคม หรือ TSA วัย 39 ปีเสียชีวิต ก่อนเดินเข้าไปก่อเหตุต่อ จนมีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 3 คน ก่อนที่ตำรวจสนามบินจะเข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการยิงมือปืนบาดเจ็บ
เอฟบีไอที่เข้ามาดูแลคดีนี้ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างค้นหาเบาะแสและแรงจูงใจในการก่อเหตุ ซึ่งแม้ผู้ก่อเหตุจะมีคนเดียว แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นการก่อการร้าย พร้อมทั้งยกย่องตำรวจสนามบินที่ตอบสนองสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความสูญเสียมากกว่านี้ เพราะจากการตรวจค้นข้าวของของผู้ก่อเหตุ พบกระสุนปืนมากกว่า 100 นัด ซึ่งเพียงพอจะสังหารคนทั้งเทอร์มินอลในช่วงที่เกิดเหตุ
สื่อมวลชนของสหรัฐฯ รายงานว่า ผู้ก่อเหตุถามคนที่อยู่ในสนามบิน ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ TSA หรือไม่ หากคนใดปฏิเสธ เขาก็ปล่อยตัวไป นอกจากนี้ยังมีรายงานว่านายเชียนเซีย พกกระดาษที่มีข้อความต่อต้านรัฐบาลด้วย
ขณะที่ครอบครัวของนายเชียนเซีย ที่อยู่ที่นิวเจอร์ซี่ บอกกับตำรวจว่า นายเชียนเซียส่งข้อความสั้น บอกว่าเขาวางแผนจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เพื่อนร่วมอพาร์ทเมนต์ของนายเชียนเซียในนครลอส แองเจลลิส ให้การกับตำรวจว่าก่อนวันเกิดเหตุ นายเชียนเซียยังมีพฤติกรรมปกติดี
เหตุโกลาหลที่เกิดขึ้นที่สนามบินนานาชาติลอส แองเจลลิส ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบิน 746 เที่ยวบินทั่วประเทศ เนื่องจากการท่าสั่งปิดสนามบิน ตามมาตรการความปลอดภัย และมีอีก 46 เที่ยวบินที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางบินไปลงสนามบินอื่น ซึ่งตอนนี้การท่าแอลเอ เปิดใช้สนามบินแล้ว แต่ยังคงปิดเทอร์มินอล 3 เพื่อการสืบสวนสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น