วันนี้ (20 เม.ย.2568) การรื้อถอนซากอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง รถแบคโฮและเครื่องจักรหนักหลายคันระดมกำลังลดความสูงของโครงสร้างอาคาร ล่าสุดมีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 50
นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการตั้งแต่เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) ยืนยันว่า พบชิ้นส่วนและอวัยวะของมนุษย์ จำนวน 18 เคส พร้อมทรัพย์สินของผู้สูญหายจำนวนหนึ่ง ถูกส่งให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ และกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบและพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลแล้ว

ส่วนผลการดำเนินการรื้อซากอาคารถล่ม มีความคืบหน้าสามารถนำเศษซากอาคารออกจากพื้นที่ใส่รถบรรทุกได้มากกว่า 242 เที่ยว ทำให้พื้นที่อาคารถล่มในแต่ละโซนลดระดับความสูง และทำให้พื้นที่แคบลง สำหรับแผนวันนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งเคลียร์ซากอาคาร ออกจากพื้นที่ทั้ง 4 โซน โดยเฉพาะโซน C ที่เข้าถึงยาก จะมีการเพิ่มเที่ยวรถบรรทุกขนาดเล็กเข้ามาทำการขนย้าย ส่วนพื้นที่โซน A และโซน B ที่ทีมนานาชาติเคยตรวจพบสัญญาณชีพก่อนหน้านี้ เหลืออีกประมาณ 1 เมตร จะถึงพิกัดที่ถูกระบุเอาไว้ คาดว่ามีผู้ติดค้างอยู่บริเวณนี้เป็นจำนวนมาก

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า สำหรับแผนการค้นหาผู้สูญหายที่พบชิ้นส่วนเป็นจำนวนมากถูกส่งให้กับสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจตรวจสอบนั้น เบื้องต้นได้ประสานสถานทูตไทนประจำเมียนมา ในการเก็บพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) นำมาเปรียบเทียบ รวมกับจำนวนที่เดินทางมาเก็บดีเอนเอที่สถาบันนิติเวช ขณะนี้ที่เก็บแล้วมีจำนวน 97 คน ซึ่งยืนยันว่าจะรื้อโครงสร้างของอาคารถล่มทั้งหมด เพื่อค้นหาร่างผู้สูญหาย และชิ้นส่วนอวัยวะทั้งหมดส่งตรวจให้สมบูรณ์มากที่สุด เพื่อส่งมอบให้กับญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งต้องทำงานอย่างละเอียดและรอบคอบ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการกู้สร้างอาคารเพิ่มมากขึ้น

ส่วนแผนการจราจรในพื้นที่ หลังจากที่ผู้ประกอบการร้านค้า บริเวณฝั่งที่มีการปิดถนน ได้เข้าพูดคุยและหารือถึงแนวทางในการเปิดทางสัญจรเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้ แต่ไม่สามารถเปิดพื้นที่การจราจรได้ทั้งหมดเนื่องจากในพื้นที่ยังต้องดำเนินภารกิจในการรื้อถอนสร้างอาคารถล่ม รวมถึงยังต้องมีทีมแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมอยู่ในพื้นที่
เปิดใช้ถนนกำแพงเพชร 2 ฝั่งอาคาร สตง.ถล่ม 2 ช่องทางจราจร
ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้สั่งการให้ตำรวจจราจรเปิดทางสัญจร บนถนนกำแพงเพชร 2 ฝั่งเดียวกับอาคาร สตง.ถล่ม หลังปิดการจราจรตั้งแต่วันที่เกิดเหตุอาคารถล่ม 28 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนำกรวยจราจรมากั้นให้รถสัญจรได้ 2 ช่องทาง ส่วนช่องทางซ้าย 2 ช่องทาง ยังเว้นพื้นที่เอาไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ร่วมภารกิจการค้นหาและกู้ซากอาคารถล่ม

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า การเปิดทางสัญจรเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้ รวมถึงแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ แต่ไม่สามารถเปิดพื้นที่การจราจรได้ทั้งหมด เนื่องจากในพื้นที่ยังต้องดำเนินภารกิจในการรื้อถอนสร้างอาคารถล่ม รวมถึงยังต้องมีทีมแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมอยู่ในพื้นที่

ผู้ประกอบการรายหนึ่ง เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเปิดทางสัญจรเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิดกิจการร้านค้า และสามารถขนของหรือให้ประชาชนทั่วไปเดินทางมาจับจ่ายใช้สอยได้ แต่อย่าติดขัดในเรื่องของพื้นที่จอดรถ ที่บริเวณ 2 ช่องทางซ้ายสุดยังคงมีรถเจ้าหน้าที่จอดอยู่ แต่อาจจะปรับเปลี่ยนวิธีโดยให้ลูกค้ามาจอดเพื่อนำสิ้นค้าขึ้นเพียงเท่านั้น ยอมรับการปิดถนนที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจแต่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับการเปิดการจราจร ได้รับการหารือและประเมินในที่ประชุมแล้วว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งบางเวลาอาจจะต้องมีการปิดการจราจรชั่วคราว ขณะที่มีการขนอุปกรณ์หรือขนวัสดุออกจากพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนทั่วไป หากไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางในพื้นที่

อ่านข่าว : เบื้องหลังดรามา" ทราย สก๊อต" ที่ปรึกษาบิ๊กอุทยานฯ ทำเกินหน้าที่
"ลิซ่า" เขย่า Coachella ทุบสถิติศิลปินที่มีคนกล่าวถึง 6.1 ล้านครั้ง