นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย มองว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำให้ความน่าเชื่อถือในสายตาของต่างชาติต่อไทยลดลง โดยเฉพาะการต่อต้านการคอร์รัปชั่นที่อาจทำให้ต่างชาติไม่มั่นใจในความโปร่งใสของไทย ประชาชนก็อาจไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และที่สำคัญคืออาจมีผลทำให้สถาบันจัดอันดับเรตติ้ง ปรับลดเรตติ้งความน่าสนใจด้านการลงทุน เพราะไทยอาจมีความเสี่ยงด้านการเมืองเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนต้องมีความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น
จึงอยากให้รัฐบาลวิเคราะห์ว่า หาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีผลบังคับใช้ จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นได้อย่างไร และ หาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ผ่าน จะมีผลกระทบอย่างไร เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยชี้แจงว่า ระยะยาวเศรษฐกิจของไทยจะมีทิศทางเป็นเช่นไร
ขณะที่นายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการและคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ชี้ว่า สถานการณ์การชุมนุมที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มีการแก้ไขเนื้อหา โดยนิรโทษกรรมต่อความผิดทางอาญา ผู้สั่งการปราบปรามการชุมนุม รวมทั้งคดีคอร์รัปชั่น ส่งผลต่อระบบความเชื่อมั่นต่อระบบธรรมาภิบาล ระบบนิติธรรม ระบบเศรษฐกิจและการลงทุน
รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ยังระบุด้วยว่า กฎหมายฉบับนี้จะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่นต่อแผนงานของรัฐบาล ทั้งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมมูลค่า 2 ล้านล้านบาท โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท รวมทั้งจะส่งผลต่อดัชนีธรรมาภิบาลของไทยให้ลดต่ำลงด้วย
ขณะที่นายอรินทร์ จิรา ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน มองว่า การเคลื่อนไหวคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ทำให้นักลงทุนที่เตรียมมาลงทุนในไทยอาจทบทวนแผนการลงทุน และเปลี่ยนเป้าหมายไปยังประเทศอื่นที่มีเสถียรภาพด้านการเมืองดีกว่า เช่น อินโดนีเซีย ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเช่น การสร้างแผนป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ มากกว่าการให้ความสำคัญกับการแก้ไขการเมือง