แม้การประกวดนางงามเด็ก จะถูกมองว่าเป็นอีกเวทีแสดงความสามารถของเด็ก ๆ แต่อีกมุมก็ถูกวิจารณ์ว่า ใช้เด็กหญิงไม่ต่างจากวัตถุทางเพศ ล่าสุดประเทศฝรั่งเศสเตรียมออกกฎหมายห้ามการประกวดนางงามเด็กในประเทศ พร้อมบทลงโทษที่รุนแรง
เนื้อหาโดดเด่นของ Little Miss Sunshine เรื่องราวของเด็กหญิงที่ฝันอยากเป็นนางงาม ก่อนจะได้รู้ว่าชีวิตนั้นยังมีสิ่งสำคัญกว่าการแก่งแย่งชิงดีและการปรุงแต่งภาพลักษณ์อันฉาบฉวย ซึ่งเป็นการสื่อถึงความไร้แก่นสารของวงการประกวดนางงามเด็ก ทัศนะคติแง่ลบต่อการพรากความไร้เดียงสาของเด็กหญิงเพื่อการประกวดความงาม สอดคล้องกับแนวคิดของวุฒิสภาของประเทศฝรั่งเศสที่ผ่านกฎหมายห้ามการจัดประกวดนางงามสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ซึ่งมีบทลงโทษจำคุก 2 ปีและค่าปรับ 30,000 ยูโรหรือ 1 3,000,000 บาท สำหรับผู้จัดที่ฝ่าฝืน ซึ่งโทษยังรวมถึงผู้ปกครองที่สนับสนุนให้ลูกหลานไปประกวดอีกด้วย
หลายปีมานี้แรงต้านเวทีประกวดความงามที่ใช้เด็กหญิงเป็นจุดขายเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เช่น ในสวีเดน, เดนมาร์ก และนอร์เวย์ ร่วมกันยกเลิกการส่งตัวแทนประกวดรายการร้องเพลง Junior Eurovision Song Contest หลังไม่พอใจที่ผู้จัดให้เด็กหญิงแต่งตัวยั่วยวนเกินไป หรือในสหรัฐฯที่ถูกวิจารณ์ว่า มีการปลูกฝังการหลงใหลในความงามก่อนวัยอันควร ทั้งจากโฆษณาและผลิตภัณฑ์มากมาย รวมไปถึงรายการเรียลิตี้ โชว์ อย่าง Toddlers & Tiaras ที่ผู้จัดและผู้ปกครองบังคับให้เด็กหญิงพยายามทำท่าทางยั่วยวนเหมือนผู้ใหญ่ ตั้งแต่การให้คาบบุหรี่เดินแบบ จนถึงการใส่ชุดเสริมหน้าอกเพื่อเลียนแบบคนดัง
แม้ความนิยมในการประกวดนางงามเด็กของฝรั่งเศสจะจำกัดอยู่ในเมืองเล็ก ๆ และมีการควบคุมความเหมาะสม เช่น ห้ามประกวดด้วยชุดว่ายน้ำหรือแต่งหน้า แต่ ชานเทล ฌูอันโน วุฒิสมาชิกฝรั่งเศส ผู้ริเริ่มการออกกฎหมายแบนการประกวดนางงามเด็ก กล่าวว่า การประกวดนางงามเด็กเป็นการสร้างค่านิยมผิด ๆ ให้เยาวชนเห็นว่า การเป็นที่ยอมรับต้องมาจากภาพลักษณ์ที่ดูดี ซึ่งเป็นสิ่งขัดขวางการพัฒนาเยาวชนให้ได้เรียนรู้ว่า คุณค่าของคนที่แท้จริงต้องมาจากความคิดและความสามารถของบุคคลนั้น ๆ
กฎหมายดังกล่าวซึ่งกำลังรอการลงคะแนนจากสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเสียงวิจารณ์ไม่น้อยว่ามีบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป และควรใช้มาตรการควบคุมมากกว่าการแบน ผู้ปกครองไม่น้อยมองว่า การประกวดช่วยสร้างเพื่อนและประสบการณ์ที่ดีให้กับเยาวชนในอนาคต ด้าน มิเชล เลอร์ ปาร์มองธิเออร์ ผู้จัดการประกวดนางงามเด็กชั้นนำของฝรั่งเศส ซึ่งเตรียมหันไปจัดการประกวดความสามารรถเด็กแทนหากมีการแบนการประกวด กล่าวว่าการตัดสินคุณค่าของคนจากภาพนอก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนทุกวัย และเป็นปัญหาที่อยู่จริงในทุกสังคมไม่ว่าเราจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม
