เปิดความเห็น 2 ฝ่าย เห็นต่างแก้ไขที่มาส.ว.
การอ่านคำวินิจฉัยกรณีการแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของส.ว. วันนี้(20 พ.ย.) ปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาล, ฝ่ายค้าน และมวลชนที่เคลื่อนไหวต่างก็จับจ้องติดตามกัน ซึ่งแกนนำของกลุ่มต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากคำวินิจฉัยของศาลเป็นหนึ่งในคำตอบของการต่อสู้ทางการเมืองนอกสภา นั่นคือ ประเด็นขับไล่รัฐบาล สุดท้ายแล้ว ก็พร้อมจะยุติการชุมนุม
เช่นเดียวกันกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้กลุ่มนปช. ประกาศไว้แล้วว่า คำวินิจฉัย คือ เงื่อนไขสำคัญที่จะกำหนดแนวทางการชุมนุมของกลุ่ม ซึ่งวันนี้ชุมนุมอยู่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน และหลังศาลมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร ก็จะนำมาประเมิน ก่อนกำหนดท่าทีว่าจะยุติ หรือ ยกระดับ พร้อมย้ำว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยคำร้องเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม
ขณะที่ฝ่ายค้าน เห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาส.ว. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะกระบวนการพิจารณาที่เข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้น มีกระบวนการที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และด้วยเงื่อนไขนี้ จึงเข้าข่ายกระทำการล้มล้างการปกครอง และการได้มาซึ่งการปกครองโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
พร้อมกับชี้ว่า ตุลาการ 3 คนได้แก่ นายจรัญ ภักดีธนากุล,นายอนุรักษ์ มาประณีต และนายสุพจน์ ไข่มุกต์ มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะเป็นอดีตส.ส.ร. ปี 2550 จึงควรถอนตัวจากการวินิจฉัย และเห็นว่า นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ เป็นตุลาการใหม่ ไม่ควรร่วมวินิจฉัยในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น กับวิธีพิจารณาความของศาลรัฐธรรมนูญ อาจสะท้อนภาพถึงแรงกดดันที่ส่งตรงไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังกลายเป็นแรงบีบคั้นให้ตุลาการ รวม 5 คน จากทั้งหมด 9 คน ควรถอนตัวจากการวินิจฉัย และนี่อาจเป็นที่มาของความคาดหวังที่จะยุติการวินิจฉัยคำร้องเรื่องนี้ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 ชี้ชัดว่า องค์คณะตุลาการที่จะนั่งพิจารณาและวินิจฉัยคำร้องต้องไม่น้อยกว่า 5 คน และการวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมาก