น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประชุมร่วมกับทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย โดยพร้อมดำเนินการนโยบายเร่งด่วน 6 ข้อทันทีหลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภาประกอบด้วย 1.การยกเว้นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 2.แก้ไขสินค้าราคาแพง 3.จัดระบบประกันสุขภาพใหม่โดยใช้โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค 4.แก้ไขปัญหายาเสพติด 5.ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ 6.การสานต่อแนวทางปรองดองของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อแนวทางปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป.
ส่วนการจัดสรรคณะรัฐมนตรีจนถึงขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อ โดยยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้จัดสรรบุคคล โดยต้องรอผลเลือกตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.อย่างเป็นทางการก่อน ทั้งนี้จะยึดตามความรู้ความสามารถและความเหมาะสมไม่ปิดกั้นทั้งในคนนอก รวมถึงกลุ่ม นปช.โดยเชื่อว่า การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีจะไม่ทำให้พรรคมีความขัดแย้ง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังปฏิเสธการเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นทูตการค้าช่วยงานรัฐบาลโดยย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นผู้คอยแนะนำเรื่องการทำงานเท่านั้น
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยหลังหารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงการจัดการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค เพื่อสรรหาคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยได้ให้นายสุเทพ จัดการประชุมแทน เนื่องจากนายภิสิทธิ์ จะไม่เข้าร่วมประชุมด้วย
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธจะกล่าวถึงผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่หลังนายสุเทพ ประกาศว่าจะไม่กลับมารับตำแหน่งเลขาธิการพรรคอีกครั้ง ขณะที่ยังเป็นห่วงทิศทางของบ้านเมืองที่ไม่อยากให้ขยายความแตกแยกของมวลชนเพิ่มเติม และต้องการให้การเมืองกลับเข้ามาอยู่ในระบบของสภา
ขณะที่นายสุเทพยอมรับถึงการปรับแนวทางการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะต้องมีคนที่มีความพร้อม และ แข็งแรงมาช่วยในฐานเสียงของพรรค ขณะที่แสดงความกังวลการสร้างฐานมวลชนของกลุ่ม นปช.และ พรรคเพื่อไทย ในอนาคตที่มากพอจะเปลี่ยนรูปแบบการปกครองของประเทศได้
ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช. ตอบโต้นายสุเทพว่า เป็นเรื่องการใส่ร้ายป้ายสีจากคนที่ไม่ยอมแพ้ เนื่องจากแนวทางของ นปช. ต้องการต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยไม่มีแนวคิดต้องการเปลี่ยนแแปลงระบอบการปกครองไทย ทั้งนี้จะมีการปรึกษากับแกนนำ นปช.เพื่อจะฟ้องร้องนายสุเทพ และ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมาก