วันนี้ (12 เม.ย.2568) เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่รื้อซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่พังถล่มอย่างต่อเนื่องรอบทั้ง 4 โซน แต่ยังเน้นโซน B และ C โดยตั้งแต่ช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่พบพิกัดจุดที่คาดว่ามีผู้ติดค้าง จึงส่งชุดเดินเท้าเข้าตรวจสอบและสามารถนำร่างผู้ติดค้างออกมาได้ โดยลำเลียงออกมาอย่างช้าๆ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่
แต่จุดสำคัญอีกจุดคือบริเวณที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางชุดระบุว่าพบแสงไฟจากด้านล่างบริเวณโซน B ขณะนี้ยังเจาะเข้าไปไม่ถึงเพราะติดเส้นเหล็กพันกันจำนวนมาก แม้จะสามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างขึ้น
ขณะที่เวลา 16.00 น. กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเป็น 35 คนและยังอยู่ระหว่างการติดตามค้นหาผู้สูญหายอีก 59 คน

ด้านนายวรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงพื้นที่สังเกตการตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ในส่วนของการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือ นอมินี ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนสร้างอาคาร สตง.
ขณะนี้การสอบสวนมีความคืบหน้าไปเกือบร้อยละ 50 โดยจะมีการรวบรวมหลักฐานว่าบริษัทนี้มีกิจการร่วมค้ากับบริษัทใดบ้าง รับงานจากหน่วยงานใด รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องมาตรฐานของอุตสาหกรรมในส่วนของวัสดุก่อสร้างต่างๆ ซึ่งมีการเก็บซีเมนต์ไปตรวจสอบเพิ่มเติม
สำหรับการทำงานของอาสากู้ภัยและทหาร จำเป็นต้องแข่งกับเวลาที่มาพร้อมกับความกดดัน ด้วยความคาดหวังจากญาติผู้สูญหาย แต่หลายคนยอมสละเวลาส่วนตัวกับครอบครัว เพื่อร่วมภารกิจค้นหาผู้สูญหายในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ ภารกิจค้นหาผู้คิดค้างยังใช้เครื่องจักรหนักและเดินสำรวจตามจุดต้องสงสัย โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่า จะเร่งค้นหาต่อเนื่องแม้เป็นช่วงวันหยุดยาว เช่นเดียวกับการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุของ 4 หน่วยงาน เพื่อรวบรวมหลักฐานพิจารณาดำเนินคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ในทุกมิติ
อ่านข่าว
DSI เผยคดีนอมินีบริษัทจีนสร้างตึก สตง.คืบ 50% ลุยสอบเส้นเงิน